ระยะนี้ ใครไม่พูดถึงหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับ AEC หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ก็คงจะตกเทรนด์ เพราะเรื่องนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
หลายคนเป็นห่วงประเทศไทยเราว่าจะปรับตัวไม่ทัน เพราะมีหลายประเด็นที่เรายังต้องตามติด ถึงแม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านแล้ว เรายังคงนำหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่เราต้องหันมาให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ อาทิ ภาษาอังกฤษ ที่เป็นภาษากลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างประเทศสมาชิก
การรวมตัวกันของชาติในอาเซียน 10 ประเทศโดยมี ไทย พม่า ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และบรูไน เพื่อที่จะให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน จะทำให้มีผลประโยชน์อำนาจต่อรองกับคู่ค้าได้มากขึ้น การนำเข้าส่งออกของชาติในอาเซียนก็จะเสรี ยกเว้นสินค้าบางชนิดที่แต่ละประเทศอาจขอไว้ไม่ลดภาษีนำเข้า ซึ่งอาเซียนจะรวมตัวกันเป็น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และมีผลจริงจังในวันที่ 1 มกราคม 2558 และในวันนั้นจะทำให้ภูมิภาคนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
จุดมุ่งหมายหลักที่นำอาเซียนมารวมตัวเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน โดยมีการเคลื่อนย้ายอย่างเสรี ใน 5 สาขา ได้แก่ สินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และ แรงงานฝีมือ ซึ่งจากการเปิดเสรี ย่อมมีทั้งผู้ที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์มากน้อยแตกต่างกัน ตามศักยภาพของผู้ประกอบการในแต่ละประเทศ เนื่องจากต้องพบเจอกับผลกระทบที่จะเกิดจากการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีทั้ง 5 ด้าน ยกตัวอย่างด้านการลงทุน จะทำให้การลงทุนทางตรงจากประเทศอาเซียนด้วยกันเองเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายฐานการผลิต หรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนซึ่งมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ เช่น ด้านการเกษตร การก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม การผลิตสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ยังมี ผลกระทบด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือ เป็นประเด็นที่น่าจับตามอง เพราะการเปิดเสรีดังกล่าวอาจทำให้แรงงานฝีมือในอาเซียนย้ายจากประเทศที่มีค่าตอบแทนต่ำ ไปยังประเทศที่มีค่าแรงสูงกว่า และมีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลาย
บ้านเรามีผู้ประกอบการที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางหรือ SME อยู่เป็นจำนวนมาก และอาเซียนก็ถือว่าเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ จะออกไปแสวงหาตลาดใหม่ๆ แต่อย่างน้อย ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมกันก่อนที่จะออกไปต่อสู่ช่วงชิงความเป็นผู้นำตลาด ซึ่งนอกเหนือจากความรู้ กฏระเบียบข้อบังคับ ข้อควรระวัง ทั้งหลายที่ผู้ประกอบการ SME จะต้องศึกษาแล้วนั้น ผมมองว่าการมีเครือข่าย หรือการสร้างเครือข่าย เพื่อช่วยให้ธุรกิจเราสามารถแผ่ขยายก้าวไปสู่ตลาดสากลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพก็เป็นเรื่องที่สำคัญและควรสร้างกันไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ เพราะศักยภาพของบริษัทเล็กๆ ย่อมสู้บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ได้ โดยเฉพาะในแง่ของเงินลงทุน ซึ่งเป็นจุดอ่อนของธุรกิจ SME ที่อาจมีเงินลงทุน ไม่มากและสายป่านสั้น แต่เราก็สามารถกำจัดจุดอ่อนโดยใช้ข้อได้เปรียบในเรื่องของความยืดหยุ่น และการมีเครือข่ายเข้ามาช่วยได้
ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณกลกิตติ์ เถลิงนวชาติ ประธานอำนวยการบีเอ็นไอ ประจำประเทศไทย BNI ซึ่งเป็นองค์กรระดับมืออาชีพที่ใหญ่ที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในฐานะกลุ่มเครือข่ายผู้ประกอบการที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจผ่านการแนะนำบอกต่ออย่างเป็นระบบ ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิ อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและบริการ สุขภาพความงาม การเงินและบัญชี การตลาด ซึ่งเป็นธุรกิจที่ถือว่าคนไทยได้เปรียบแน่ๆ หากจะเข้าสู่ตลาดอาเซียน เพราะเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ นอกเหนือจากนี้ยังมีระบบการเชื่อมโยงธุรกิจ เพราะ BNI มีเครือข่ายผู้ประกอบการมากกว่า 130,000 ราย ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ที่ผู้ประกอบการสามารถติดต่อทำธุรกิจกันภายในเครือข่าย และสร้างมูลค่าการตลาดได้มากกว่า 9 หมื่นกว่าล้านบาท ทั่วโลก และในเมืองไทยเป็นเงินเกือบพันล้านบาท
ดังนั้น SME ไทย ไม่ต้องกังวลใจครับ สามารถพัฒนาตัวเองให้เติบโตและแข่งขันในตลาดสากลได้ด้วยระบบเครื่องมือ และการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในการสร้างยอดขาย พัฒนาความเป็นมืออาชีพ และสร้างทีมการตลาดในระดับผู้ประกอบการ ที่คอยช่วยเหลือกันในการมองหา และเชื่อมโยงธุรกิจ โดยบีเอ็นไอเห็นว่านักธุรกิจไทยต้องมี 2 อย่างคือนวัตกรรม (Innovation) หรือจุดแตกต่างของธุรกิจและเครือข่ายนักธุรกิจ
ต่อไปในอนาคตเราจะมีกลุ่มนักธุรกิจที่มาจาก 10 ประเทศสมาชิก เข้ามาแลกเปลี่ยนเชื่อมโยง ทำธุรกิจกันมากขึ้น โดยบีเอ็นไอจะจัดงานใหญ่สำหรับผู้ประกอบการชื่อว่างาน BNI Thailand National Conference เพื่อเปิดโอกาสในการจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ งานนี้พลาดไม่ได้เพราะ Dr. Ivan Misner ประธานผู้ก่อตั้ง BNI ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ในการสร้างกลุ่มเครือข่าย SME ในกว่า 50 ประเทศ จะมาพูดเรื่องเคล็ดลับการสร้างเครือข่ายเจ้าของธุรกิจสู่ความสำเร็จ (Connection to Success) ให้กับนักธุรกิจบ้านเราได้ฟังในเดือน กันยายน 2555 นี้ เข้าไปดูรายละเอียดของงานได้ที่ www.bnitnc.com หรือ รายละเอียดของบีเอ็นไอได้ที่ www.bnithailand.com
เป็นกลยุทธ์การสร้างเครือข่ายผนึกกำลัง SME ตามวิถี BNI ที่น่าสนใจ!