ได้เข้าไปอ่านบล็อกนี้ น่าสนใจ เลยขออนุญาตนำมาเผยแพร่ในบล็อกนี้ด้วย http://dhammo.exteen.com/20100701/entry/page/1#lastcomment
เมื่อฉันไปฟังธรรมเทศนา
เมื่อวานได้ไปฟังธรรมเทศนา หัวข้อ สบายใจ 5 จากพระอาจารย์มิตซูโอะที่ตึกอัมรินทร์มาค่ะ
สถานที่อยู่ที่ชั้น 22 ตึกอัมรินทร์ สำนักพิมพ์ DMG ค่ะ (ที่พิมพ์หนังสือพระอาจารย์บ่อยๆ)
แวบแรกที่ขึ้นมา ไปมูลนิธิมายาโคตมีของพระอาจารย์ขายของอยู่ด้านหน้า
เข้าไปข้างใน โอ้โห แฟนคลับท่านเยอะจริงๆ นั่งเบียดกันแทบไม่มีที่ว่างเลย
เห็นแล้วก็ปลื้มใจ หัวข้อที่ท่านเทศน์วันนี้ก็สอดคล้องกับหนังสือที่ท่านเขียนให้ DMG เล่มล่าสุด
เล่มนี้ค่ะ
เริ่มสวดมนต์พร้อมกันตอน 18.30 จากนั้นนั่งสมาธิต่อถึงทุ่ม แล้วพระอาจารย์ก้อเริ่มสอน
เจ้าของบลอคก็จดบันทึกไปด้วย คงมีคนแอบแซวแน่ๆว่าขยันเนาะ
มีคนมาบอกว่า ให้เอามาบอกต่อด้วย ถ้าเราจำเองคงจะขาดๆเกินๆ จดไว้เพื่อความชัวร์ดีกว่า
หลักๆที่ท่านพูดก็มีต่อไปนี้ (ขออนุญาต list เป็นข้อๆ เพราะว่าโปรแกรมเมอร์เขียนบทความยาวๆไม่เป็นค่ะ )
- มาคำแรกของพระอาจารย์ ได้ยินทุกครั้ง “เวลาล่วงเลยไป ตอนนี้เราทำอะไรอยู่?”
- มองที่เรา เริ่มต้นคือเราเป็นเหตุ ความจริงก็คือ ชีวิตของเราคือความทุกข์ทั้งนั้น หากเราไม่ตั้งใจศึกษาชีวิต เราก็จะเกิดความไม่สบายใจ
- ถ้าเราตั้งใจศึกษา แม้เราจะอยู่ท่ามกลางความทุกข์ ถ้าเราคิดถูก คิดดี ตื่นตัว เราก็จะมีความสบายใจได้ การเข้าใจปัญหา คือ การเข้าใจทุกข์
- ความทุกข์ของเราก็คือ ความกลัว เกลียด หนี หรือก็คือความเสื่อม เมื่อเราเกิดความเสื่อม เราก็จะพยายามหนีออกจากความเสื่อม เช่น เราเสื่อมลาภ เราก็จะแสวงหาลาภ เพื่อพ้นจากความเสื่อม เราถูกนินทา เราก็จะพยายามเอาตัวให้พ้นจากคำนินทา นี่ก็เรียกว่า เสื่อม มันคือ ธรรมชาติของมนุษย์ แต่ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีใครที่จะค้นพบความสบายใจที่แท้จริงได้
- จำไว้ว่า สบายใจ ไม่ได้มีความหมายว่า ถูกใจ
- ต้องยอมรับว่าความจริง ชีวิตนี้เป็นทุกข์ ทุกข์นี้เป็นของทุกคนติดตัวมาแต่เกิด พระพุทธเจ้าก็ยังหนีไม้พ้น ทุกข์นี้คือ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย การอยู่กับคนที่ไม่ชอบ การพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก การประสบพบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่ปรารถนา
- แม้วาสนาดีแค่ไหน ก็หนีความจริงของชีวิตไม่ได้
- ความสบายใจ คือ ความเข้าใจ
- เมื่อเรารู้ว่าทุกข์เกิดที่ไหน น้อมใจเข้าไป เจริญสติและปัญญา ไม่ใช่หนีทุกข์
- การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทุกข์เกิด หรือเป็นการหนีปัญหา แต่ทำไปเพื่อความเข้าใจในทุกข์
- เห็นทุกข์ ไม่มีทุกข์ คำสอนของหลวงพ่อชาที่พระอาจารย์จำได้สมัยบวชใหม่ๆ
- อุปทานดับ ทุกขเวทนาก็ดับ อุปทานที่ว่าคือ การยึดมั่นถือมั่นว่าตัวว่าตนของเรา
- ปลาอยู่ในน้ำ เกิดในน้ำ ตายในน้ำ แต่ปลามองไม่เห็นน้ำ
- เต่าเจ้าปัญญาเกิดบนบก บางทีลงไปเล่นน้ำเจอปลา เต่าคิดว่า เราไม่ใช่เรา เราไม่ใช่น้ำ
- จิตก็เหมือนกับปลา รูป เวทนา สังขาร วิญญาณ มีอุปทานยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ นึกว่าเราเป็นของๆเรา เหมือนปลาที่ไม่สามารถแยกแยะน้ำได้
- ของทุกอย่าง เป็นเพียง สักแต่ว่า ไม่ใช่ของเรา
- เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความไม่สบายใจ เราต้องไม่ยินดียินร้าย เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ไม่ส่งจิตออกไป
- อะไรจะเกิดขึ้นก็อย่าไปมองสิ่งนั้น มองที่จิตของเรา รู้สึกตัวให้ชัดเจน จนมองได้ว่า ความไม่สบายใจนี้ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- โดยธรรมชาติ จิตของเราบริสุทธิ์ ผ่องใส เป็นประภัสสร แต่อวิชชาและกิเลศทำให้เกิดอารมณ์ ทำให้จิตเราหม่นหมอง ไม่สบาย
- จิตเหมือนพระจันทร์ บางทีก็มีเมฆหมอก นั่นคือความไม่สบายใจ มาบดบัง เมื่อเมฆหมอกเคลื่อนผ่านไป พระจันทร์ก็สดใสเหมือนเดิม
- อุปมาเหมือน น้ำ คือ ความสบายใจ ส่วนน้ำแข็ง คือ ความไม่สบายใจ เป็นสิ่งเดียวกัน แต่สิ่งเร้าคืออารมณ์ที่มาควบแน่น ทำให้เปลี่ยนสถานะไป
- เมื่อไม่สบายใจ ให้เรียกสติคืนมา ระลึกถึงสิ่งที่ทำให้สบายใจ เช่น ศีล ลมหายใจ หรือ เมตตา
- เมื่อไรก็ตามที่เราสบายใจแล้ว เราก็จะมีเมตตา รู้สึกรักทุกคน
- สบายใจ สะระณัง คัจฉามิ (ท่องแบบนี้ก็ได้นะ) แปลความหมายว่า เรายึดถือความสบายใจเป็นที่ตั้ง (เจ้าของบลอคย้ำอีกครั้ง สบายใจ ไม่ใช่ถูกใจ นะจ้ะ)
- ต้องเมตตาต่อตัวเองให้ได้ ความรักเสมอตนไม่มี
- ปัญหาของปัจจุบันเกิดจากการที่เรารักคนอื่นมากกว่า รักสิ่งอื่นมากกว่าตัวเราเอง เมื่อมีอะไรมากระทบกับสิ่งที่รักของเรา ก็เกิดการทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน
- ใจเป็นประธาน ใจเป็นหัวหน้าของชีวิต รักตัวเองด้วยการรักษาสบายใจ นั่นคือ เมตตาต่อตัวเอง
ข้อคิดที่ได้จากการไปฟังธรรมครั้งนี้
- ใครว่าศาสนากำลังเสื่อมถอย ดูจากปริมาณคนแล้ว น่าปลื้มอกปลื้มใจมากๆ อย่างน้อยก็เห็นวัยรุ่นหลายคน (รวมทั้งเจ้าของบลอค ว่าแต่นับไหมอะ?) ก็มาัฟังธรรมกันมากขึ้น
- ผู้คนที่มาฟังธรรม ยิ้มแย้มแจ่มใส คิดถึงตอนไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุนันจังค่ะ
- สิ่งที่ยากที่สุดในการปฏิบัติคือ การตัดสินใจมาปฏิบัติ นอกนั้นพอถึงเวลาทำจริงๆ ก็ไม่ยากแล้วค่ะ
- รู้สึกตัวเองเป็นคนที่โชคดีจัง
- ใจเป็นประธานจริงๆ
- พระอาจารย์เปลี่ยนจาก “คนไทย 60 ล้านคน” เป็น “คนไทย 63 ล้านคน” แล้วนะ…
- บทสวดมนต์หนังสือคู่มือชาวพุทธ ช่วงแผ่เมตตา ที่เป็นร้อยกรองไพเราะมากๆ อ่านทีไรถ้าฉันเป็นเจ้ากรรมนายเวร คงจะรีบอโหสิให้พร้อมอนุโมทนาบุญไปด้วย 2 in 1 เลยค่ะ ไพเราะจริงๆ ไว้ครั้งหน้าจะแอบจดมาฝากกันนะคะ
- ปล. อ่านแล้วเอาไปปฏิบัติตามกันนะคะ เพื่อประโยชน์ยิ่งๆขึ้นไปค่ะ