กระทรวงวัฒนธรรมได้พิจารณาสรรหาบุคคล ให้ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย เป็นผู้ที่ใช้วาจาสื่อภาษาได้ไพเราะและสร้างสรรค์ อันเป็นคุณธรรมที่ดีงามที่ควรประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดคุณค่าและคุณประโยชน์แก่ตนเองและสังคม
รายการสีสันบันเทิง ช่อง 3
รายการ mango garden ช่อง 9
รายการสีสันบันเทิงสด ช่อง 3
รายการโต๊ะข่าวบันเทิง ช่อง 3
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย เอกนิบาต ชาดก ว่า
“กลฺยาณิเมว มุญฺเจยฺย น หิ มุญฺเจยฺย ปาปิก โมกฺโข กลฺยาณิยา สาธุ มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
พึงเปล่งวาจางามเท่านั้น ไม่พึงเปล่งวาจาชั่วเลย การเปล่งวาจางามยังประโยชน์ให้สำเร็จ คนเปล่งวาจาชั่วย่อมเดือดร้อน”
การพูดจาให้ไพเราะน่าฟัง พูดแต่วาจาสุภาษิต ย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ จะทำให้ได้รับความสุขความเจริญ มีคนยกย่องสรรเสริญและเป็นที่รักของคนทั่วไป ดังนั้นควรพูดแต่ถ้อยคำอันเป็นที่รักที่พอใจ ส่วนคำที่หยาบคายเป็นวาจาทุพภาษิต ย่อมทำให้เดือดร้อนและถูกตำหนิติเตียน จึงควรงดเว้นเสีย
————————————————————-
เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์ บังเกิดเป็นพระโอรสของพระเจ้าพรหมทัต พระมารดาของพระองค์เป็นผู้มักโกรธ ดุร้าย ชอบด่าบริภาษผู้อื่น พระโพธิสัตว์ประสงค์จะถวายโอวาทแก่พระมารดา ทรงดำริว่า การกราบทูลถ้อยคำที่ไม่มีเรื่องอ้างอิงไม่สมควร จะไม่เป็นผล จึงแสวงหาสิ่งเปรียบเทียบ เพื่อจะแนะนำพระมารดา
วันหนึ่ง พระองค์เสด็จไปในพระราชอุทยานพร้อมกับพระมารดา ได้ยินเสียงนกต้อยตีวิดกำลังส่งเสียงร้องดังรบกวนในระหว่างทาง ผู้ติดตามมากมายได้ยินเสียงนั้น จึงพากันปิดหู กล่าวว่า “เจ้านกมีเสียงหยาบช้า เจ้าอย่าได้ส่งเสียงร้อง” แล้วต่างขว้างปาก้อนดินใส่นกต้อยตีวิด เมื่อเสด็จต่อไป ก็พบนกดุเหว่าตัวหนึ่ง อยู่บนต้นสาละ ส่งเสียงร้องไพเราะจับใจ คณะผู้ติดตามพากันหลงใหลในเสียงนั้น ต่างกล่าวขึ้นว่า “เจ้านกน้อย มีเสียงไพเราะอ่อนหวาน นุ่มนวล เจ้าจงร้องต่อไป เราอยากฟังเสียงของเจ้าอีก”
พระโพธิสัตว์เห็นเหตุการณ์ทั้งสองนั้นแล้ว จึงดำริว่า เราจะนำเหตุการณ์นั้นมาเปรียบเทียบให้พระมารดาฟัง จึงกราบทูลว่า “มหาชนได้ยินเสียงของนกต้อยตีวิด ต่างพากัน ปิดหูแล้วไล่ไปเสีย แม้นกนี้มีสีสันสวยงาม แต่มีเสียงหยาบกระด้าง เปรียบเสมือนคนมีวาจาหยาบคาย ย่อมไม่เป็นที่รักของผู้อื่น แต่นกดุเหว่าแม้มีสีดำไม่น่าดู ก็เป็นที่รักเพราะมีเสียงไพเราะอ่อนหวาน เปรียบเสมือนคนมีวาจาสุภาษิต มีวาจา สละสลวย คิดก่อนพูด ไม่ฟุ้งซ่าน มีถ้อยคำเป็นอรรถเป็นธรรม ย่อมเป็นที่รักของมหาชน” พระมารดาสดับแล้วก็รู้สึกพระองค์ และได้เป็นผู้มีวาจาไพเราะนุ่มนวล ด้วยพระโอวาทเพียงครั้งเดียว เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะให้เป็นที่รักของผู้อื่น ควรพูด ด้วยวาจาไพเราะ อ่อนหวาน สละสลวย นุ่มนวลน่าฟัง ก่อนพูดก็ควรคิดใคร่ครวญให้ดี พูดในสิ่งที่มีประโยชน์ มีสาระ โดยเฉพาะ คำพูดที่ชักชวนให้ทำความดี ให้ประพฤติปฏิบัติธรรม ควรพูดบ่อยๆ เพราะเป็นถ้อยคำที่นำพาไปสู่สวรรค์นิพพาน ดังนั้นให้ทุกถ้อยคำของเราเป็นไปเพื่อบุญกุศลและเพื่อความหลุดพ้น
Name (required)
E-Mail (required)
Website (Optional)
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย เอกนิบาต ชาดก ว่า
“กลฺยาณิเมว มุญฺเจยฺย น หิ มุญฺเจยฺย ปาปิก
โมกฺโข กลฺยาณิยา สาธุ มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
พึงเปล่งวาจางามเท่านั้น ไม่พึงเปล่งวาจาชั่วเลย การเปล่งวาจางามยังประโยชน์ให้สำเร็จ คนเปล่งวาจาชั่วย่อมเดือดร้อน”
การพูดจาให้ไพเราะน่าฟัง พูดแต่วาจาสุภาษิต ย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ จะทำให้ได้รับความสุขความเจริญ มีคนยกย่องสรรเสริญและเป็นที่รักของคนทั่วไป ดังนั้นควรพูดแต่ถ้อยคำอันเป็นที่รักที่พอใจ ส่วนคำที่หยาบคายเป็นวาจาทุพภาษิต ย่อมทำให้เดือดร้อนและถูกตำหนิติเตียน จึงควรงดเว้นเสีย
————————————————————-
เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์ บังเกิดเป็นพระโอรสของพระเจ้าพรหมทัต พระมารดาของพระองค์เป็นผู้มักโกรธ ดุร้าย ชอบด่าบริภาษผู้อื่น พระโพธิสัตว์ประสงค์จะถวายโอวาทแก่พระมารดา ทรงดำริว่า การกราบทูลถ้อยคำที่ไม่มีเรื่องอ้างอิงไม่สมควร จะไม่เป็นผล จึงแสวงหาสิ่งเปรียบเทียบ เพื่อจะแนะนำพระมารดา
วันหนึ่ง พระองค์เสด็จไปในพระราชอุทยานพร้อมกับพระมารดา ได้ยินเสียงนกต้อยตีวิดกำลังส่งเสียงร้องดังรบกวนในระหว่างทาง ผู้ติดตามมากมายได้ยินเสียงนั้น จึงพากันปิดหู กล่าวว่า “เจ้านกมีเสียงหยาบช้า เจ้าอย่าได้ส่งเสียงร้อง” แล้วต่างขว้างปาก้อนดินใส่นกต้อยตีวิด เมื่อเสด็จต่อไป ก็พบนกดุเหว่าตัวหนึ่ง อยู่บนต้นสาละ ส่งเสียงร้องไพเราะจับใจ คณะผู้ติดตามพากันหลงใหลในเสียงนั้น ต่างกล่าวขึ้นว่า “เจ้านกน้อย มีเสียงไพเราะอ่อนหวาน นุ่มนวล เจ้าจงร้องต่อไป เราอยากฟังเสียงของเจ้าอีก”
พระโพธิสัตว์เห็นเหตุการณ์ทั้งสองนั้นแล้ว จึงดำริว่า เราจะนำเหตุการณ์นั้นมาเปรียบเทียบให้พระมารดาฟัง จึงกราบทูลว่า “มหาชนได้ยินเสียงของนกต้อยตีวิด ต่างพากัน ปิดหูแล้วไล่ไปเสีย แม้นกนี้มีสีสันสวยงาม แต่มีเสียงหยาบกระด้าง เปรียบเสมือนคนมีวาจาหยาบคาย ย่อมไม่เป็นที่รักของผู้อื่น
แต่นกดุเหว่าแม้มีสีดำไม่น่าดู ก็เป็นที่รักเพราะมีเสียงไพเราะอ่อนหวาน เปรียบเสมือนคนมีวาจาสุภาษิต มีวาจา สละสลวย คิดก่อนพูด ไม่ฟุ้งซ่าน มีถ้อยคำเป็นอรรถเป็นธรรม ย่อมเป็นที่รักของมหาชน” พระมารดาสดับแล้วก็รู้สึกพระองค์ และได้เป็นผู้มีวาจาไพเราะนุ่มนวล ด้วยพระโอวาทเพียงครั้งเดียว เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะให้เป็นที่รักของผู้อื่น ควรพูด ด้วยวาจาไพเราะ อ่อนหวาน สละสลวย นุ่มนวลน่าฟัง ก่อนพูดก็ควรคิดใคร่ครวญให้ดี พูดในสิ่งที่มีประโยชน์ มีสาระ โดยเฉพาะ คำพูดที่ชักชวนให้ทำความดี ให้ประพฤติปฏิบัติธรรม ควรพูดบ่อยๆ เพราะเป็นถ้อยคำที่นำพาไปสู่สวรรค์นิพพาน ดังนั้นให้ทุกถ้อยคำของเราเป็นไปเพื่อบุญกุศลและเพื่อความหลุดพ้น