7 Responses to “ดีที่ได้ทำ.. ปลุกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย”

  1. อนุโมทนาครับคุณดนัย

    “ความดี ยิ่งพูด ยิ่งทำ.. ยิ่งมีพลัง
    ความดี.. ดีที่ได้ทำ.. เป็นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พวกเราลงมือทำความดี ไม่เพียงแค่คิด หรือพูดเท่านั้น”

    คิดก็ยากแล้ว จะพูดออกมาก็ยิ่งยาก เลยไปถึงทำยิ่งยากไปใหญ่ในสายตาของหลายๆ คน

    แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะทำ 😀

  2. Danai พูดว่า:

    ขอบคุณอาจารย์ป่านครับ ที่เป็นเครือข่ายความดี.. อยากให้มีคนแบบอาจารย์ป่านมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคม ทำงานโดยไม่เหน็ดเหนื่อย ทุ่มเทเพื่อสร้างเยาวชนของเรา สู้ สู้ นะครับ เป็นกำลังใจให้เสมอ..

    ความดี.. ดีที่ได้ทำ .. ชอบที่สุดเลยครับ!! พระเจ้าอยู่หัวของพวกเราทุกคน คือ สุดยอดของปราชญ์ และต้นแบบของคนไทยทุกคน

  3. Khun Cindy พูดว่า:

    ความดี ยิ่งพูด ยิ่งทำ.. ยิ่งมีพลัง…เห็นชัดค่ะ เพราะเคยฟังคุณดนัยพูดนานกว่านี้ (ประมาณว่า 2 ชั่วโมง up) แต่ครั้งนี้สามารถสื่อสารออกมาได้ภายใน 5 นาที…คงเป็นเพราะพลังความดีของคุณดนัยนั่นเอง…ยิ่งมีพลัง ยิ่งทำ ยิ่งพูด…ยิ่งทำให้คนเห็น “ความดี ” มากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ…ขอเป็นหนึ่งพลังในการสร้างสรรความดีค่ะ…(^_^)

  4. ศักดิ์ พูดว่า:

    ด้วยใจที่ศรัทธาต่อแผ่นดินเกิดผมเป็นข้าราชการเล็ก ๆ คนหนึ่งได้พยายามสร้างเครือข่ายด้านความมั่นคงด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศด้วยการนำปรัชญา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ แต่ด้วยเงื่อนไขในระบบราชการจึงมีปัญหาในด้านการปฏิบัติหลายด้านจึงค่อนข้างลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่ ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์อบรมหลักสูตรผลิตผู้นำของหน่วยงานกับอาจารย์ดนัย…(ผ่าน ดร.จีระฯ) ประทับใจในจิตใจที่มุ่งมั่นบริสุทธิ์ที่มีต่อประเทศชาติและประชาชน ผมมีแนวคิดในยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาของชาติมามายโดยเฉพาะในอีสานต้องใช้แนวทาง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาปรับใช้ครับ…ดีใจที่เห็นเครือข่ายภาคสังคมตื่นตัวอย่างกว้างขวาง ผมหวังว่าสกวันหนึ่งจะได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในขบวนการสร้างชาติ มากกว่าจะอยู่ในกระบวนการแก้ไขปัญหาของชาติ(เฉพาะหน้า)ครับ……http://www.kkbp.net

  5. Danai พูดว่า:

    เป็นกำลังใจให้คุณศักดิ์นะครับ
    ขอให้สู้ต่อไป อย่าท้อแท้ และอย่าท้อถอย
    ความดีทำได้ยาก แต่เป็นสิ่งที่ควรทำ …
    หากท้อเมื่อใด ให้นึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    จะได้มีกำลังใจต่อไปครับ … O.O

  6. ศักดิ์ พูดว่า:

    ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ…ผมได้เริ่มทำงานเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อความมั่นคงของชาติมา ๕ ปี ในนามโครงการบ้านปลอดภัย http://www.kkbp.net มีเครือข่ายที่เป็นผู้นำองค์กรชาวบ้าน องค์กรพัฒนาเอกชน ข้าราชการ ผู้นำศาสนาอิสลาม นักจัดรายการวิทยุชุมชน สื่อมวลชน รวม ๑,๕๐๐ คน มีกิจกรรมการบริหารเครือข่ายระดับภาค จำนวน ๘๐ คน ที่ผมลงพื้นที่และทำงานในภาคอีสานมา ๑๗ ปี (ผมเป็นคนอีสาน) ได้พบเห็นวิถีชีวิต วัฒนธรรม ทัศนคติ และปัญหาของคนอีสานที่มามากพอสมควร ปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันไม่มีอะไรมากไปกว่ากลุ่มประโยชน์แสวงจุดอ่อนของคนอีสานที่มีความยากจน ซื่อสัตย์ เชื่อคนง่าย รักพวกพ้อง ไม่ยอมในสิ่งที่เชื่อว่าไม่เป็นธรรม ผ่านกิจกรรมปฏิบัติการจิตวิทยาทุกรูปแบบทั้งทางสื่อวิทยุชุมชน โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม มีนักพูดนักวางแผนชั้นเยี่ยม มีทุนสนับสนุนอย่างเต็มที่จึงเกิดเหตุการณ์ ๑๙ พ.ค.๕๓
    การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในส่วนตัวผมคิดว่าไม่ยากนะครับ ขอพียงเรามีสติปัญญาความเป็นกลางคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ปัญหาของประเทศในภาพรวมแล้ว ผมว่าต้องเริ่มทำงานในเชิงจิตวิทยามวลชนปรับทัศนคติในพื้นที่อีสานก่อนแล้วค่อยขยายไปในพื้นที่อื่น ๆ เพราะการแพ้ชนะทางการเมืองและนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ อยู่ที่อีสาน (จุดกำเนิดของนักการเมือง) ขอเพียงเรายึดแนวทางพระราชทานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในปรัชญา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาปรับใช้ด้วยการเข้าใจคนอีสานอย่างลึกซึ้งก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้คือ เข้าใจคนอีสาน:ความรู้สึก ทัศนคติ วัฒนธรรม หลักคิดของคนอีสาน ความทุกยากของคนอีสาน เข้าถึงคนอีสาน:ผ่านมิติทางวัฒนธรรมอีสาน วัฒนธรรมพื้นบ้าน หมอลำ ประเพณี งานบุญฯลฯ เป็นสื่อในการเข้าถึงเพราะคนอีสานชอบสนุกร่าเริง(เป็นวัฒนธรรมวีถีชีวิตท้องถิ่นดั้งเดิม) พัฒนาอีสาน:ร่วมมือกับประชาชนทุกภาคส่วนที่เกิดจิตสำนึกร่วมกำหนดแนวทางพัฒนาเชิงสร้างสรรค์ร่วมกัน การดำเนินการทั้งหมดต้องมีจุดเริ่มต้นด้วยการตั้งจุดประสานเครือข่ายร่วมในพื้นที่ในลักษณะองค์กรมหาชน/หรือองค์กรอิสระ (มีสำนักงานถาวร) มีกฎหมายรองรับ มีงบประมาณ บุคลากรจากทุกภาคส่วน มาขับเคลื่อนทำงานร่วมกัน เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทำหน้าที่ประสานการแก้ไขปัญหาในทุกเรื่องจากประชาชน มีกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างเครือข่ายในพื้นที่ผ่านกิจกรรมสาธารณะ อาทิ กิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัย บูรณะวัดโรงเรียน ปลูกต้นไม้ จัดผ้าป่าสามัคคี ฯลฯ ก็จะทำให้เกิดการประสานเครือข่ายพื้นที่ต่อพื้นที่ และที่สำคัญจะเกิดจิตสำนึกร่วมที่จะทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม (ซึ่งทุกคนมีอยู่แล้วแต่ขาดการนำ/องค์กรประสานงานกลาง)
    ทั้งหมดนี้เป็นพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นจะต้องมีการพัฒนาต่อยอดอย่างจริงจัง และต่อเนื่องไปในมิติที่หลากหลาย ในเรื่องสิ่งแวดล้อม สาธารณะสุข ยาเสพติด วัฒนธรรมท้องถิ่น การศึกษา เศรษฐกิจพอเพียงฯลฯ และที่สำคัญต้องสร้างฐานมวลชนไปสู่เด็ก เยาวชน ซึ่งเป็นวิกฤติที่ซ้อนวิกฤติในปัจจุบันและเป็นปัญหาของชาติที่ใหญ่กว่าในอีก ๑๐-๒๐ ปีข้างหน้า ผมว่าต้อง เริ่มคิด เริ่มสร้าง เริ่มลงมือทำ ไม่อย่างนั้นแล้วประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางที่ทุกคนไม่ปารถนา… ภาคประชาชนต้องเข้มแข็งเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศเพราะกระบวนการทำงานในภาครัฐและการเมืองนั้นไม่เอื้อต่อการคิดสร้างสรรค์ในเชิงนวัตกรรมใหม่ ๆ ในลักษณะคิดนอกกรอบ..ผมหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำในสิ่งที่เรียกว่าการสร้างความมั่นคงของชาติอย่างยั่งยืน…มากกว่าคำว่าแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติอย่างเช่นในปัจจุบัน….
    ศักดิ์: 0894177768 sak2543@yahoo.com

  7. Pinkamol พูดว่า:

    ฟังถึงตอนที่ร้องเพลงชาติทุกวันแล้ว น้ำตาไหลเลยอ่ะค่ะ T_T

Leave a Reply