เหตุการณ์วันนั้นแม้จะนานมาแล้ว
แต่ก็ให้บทเรียนชีวิตแก่ผมมาก ลืมไม่ลง
และทำให้ต้องระวังในการตัดสินใครต่อใครมากขึ้น
ผมจะเล่าให้ฟังดังนี้
มีคนรู้จักเอาช็อกโกแลตชั้นดีจากต่างประเทศมาฝาก 2 กล่อง
ผมพิจารณาดูแล้วเห็นว่าไม่ควรกิน
เพราะจะทำให้เกิดโรคอ้วนและผลข้างเคียงอื่นได้มาก
แต่นึกถึงเพื่อนลูกสองคนที่เขายังเด็กอยู่ ไม่อ้วน
จึงคิดว่าจะเอาช็อกโกแลตไปฝากเด็กทั้ง 2 คนนั้น
เย็นวันหนึ่งเลิกงานแล้วจึงไปหาเขา ระหว่างทางรถติดมาก
โดยเฉพาะตรงสี่แยกหนึ่งรถติดยาว และฝนก็ตกพรำๆ
ผมเห็นเด็กขายพวงมาลัยสองคนเดินขายพวงมาลัย เพื่อที่จะขายให้คนทีรถติดรถยาว
แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อ เพราะฝนตกพรำๆ ด้วย
ผมเห็นแล้วเกิดความสงสาร แต่ไม่ได้คิดอยากซื้อพวงมาลัยหรอก
เพราะเคยคิดว่าการขายของบนพื้นถนนเป็นสิ่งที่ไม่ควรสนับสนุน
เพราะผิดกฎหมาย แต่ก็เข้าใจ และเห็นใจคนยากจนที่เขาต้องการทำงาน เพื่อเอาตัวรอด
ด้วยความสงสาร จึงทำให้ผมเปลี่ยนใจ
จากการที่จะเอาช็อกโกแลตไปฝากลูกเพื่อน กลับคิดว่า
ลูกเพื่อนก็เคยมีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ มาแล้ว
ถ้าเราเอามาให้เด็กขายพวงมาลัย 2 คนนี้แทนจะดีกว่า
เพราะเขาคงไม่มีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ อย่างนั้นมาก่อน
คิดแล้วก็บีบแตรรถเบาๆ เรียกเด็กทั้งสองคนเข้ามาเขาดีใจนึกว่าจะซื้อพวงมาลัย
แต่ผมบอกเขาว่าไม่ซื้อหรอก แต่ผมมีขนมสองกล่องเป็นของดี ไม่เสีย
จะให้เขาคนละกล่องให้เขารับเอาไว้ไปกินได้
เขาหันหน้ามามองผมอย่างงงๆ และรับกล่องช็อกโกแลตไป ลืมขอบคุณด้วย
ผมดีใจที่ได้ทำสิ่งดีๆ ที่ไม่ได้นึกมาก่อนสำเร็จแล้ว
นึกในใจว่าเด็กลืมขอบคุณเพราะคงงงๆ ก็ไม่ถือสา จึงขับรถต่อไป
แต่เนื่องจากรถติดมากจึงขยับได้อีกนิดก็ต้องหยุด ยังไม่ผ่านไฟแดงอยู่ดี
ขณะที่รถติดอยู่นั้นผมเห็นเด็กทั้งสองคนวิ่งตรงเข้ามาอีก
พร้อมทั้งชูพวงมาลัยในมือทั้งสองคน
ผมคิดว่า เอ เด็กสองคนนี้อยากจะขายพวงมาลัยมากจัง
ให้ขนมไปแล้ว ยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีก
ใจหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดรำคาญว่า น่าจะพอแล้ว ไม่น่าจะตื้อเรา
แต่อีกใจก็สงสารอีกนั่นแหละ
ไหนๆ ทำความดีแล้วลองช่วยซื้อพวงมาลัยเด็กอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร
จึงแง้มกระจกรถถามว่า จะขายพวงมาลัยอีกเหรอ ขายอย่างไร
เด็กตอบว่า เขาไม่ขายพวงมาลัยให้ผมหรอก แต่เขาจะเอาพวงมาลัยให้ผมคนละ 5 พวง
เพราะผมให้ขนมเขา เขาก็อยากให้พวงมาลัยแก่ผม
ผมรู้สึกอึ้ง คิดไม่ถึง ดีใจกึ่งแปลกใจ
บอกเขาไปว่าอยากอุดหนุนเขา ให้เขารับเงินไปด้วย
เขาบอกว่าไม่รับเงินหรอก ทีผมยังให้ขนมเขาได้
เขาก็อยากให้พวงมาลัยผมบ้างเป็นการตอบแทน
ผมเข้าใจเขา รู้สึกผิดที่ตัดสินใจเกี่ยวกับเขาเร็วไป
นึกว่าเขาเห็นผมใจดีให้ขนมยังไม่พอยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีก
ตกลงผมยอมรับพวงมาลัยจากเขา โดยขอรับจากเขาคนละพวง
เรายิ้มให้กันตอนจากกันด้วยความสุขทั้งสองฝ่าย
คืนนั้นผมกลับบ้าน
เอาพวงมาลัยสองพวงนั้นใส่พานกราบพระพุทธรูปที่บ้านด้วยความเบิกบานใจเป็นพิเศษ
เรื่องนี้ทำให้ความคิดว่าความกตัญญูกตเวทีมีได้จริง เห็นได้ทันตาเห็นด้วย
และอย่าด่วนตัดสินพฤติกรรมของใครๆ เร็วเกินไป
ส่วนใหญ่มนุษย์จะตัดสินคนอื่นๆ เร็วไป เพราะดูจากพฤติกรรมภายนอก
ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรและผิดพลาดได้ง่าย เช่น….
· อย่าตัดสินคนจน ว่าเขาต้องเป็นขโมยหรือขี้โกง
· อย่าตัดสินคนอื่นที่เรียนน้อยว่าเขาต้องโง่
· อย่าตัดสินคนที่แต่งกายเชยๆ และบุคลิกไม่ดี ว่าเป็นคนด้อยคุณภาพ
· อย่าตัดสินคนที่ไม่ทำงาน ว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ
· อย่าตัดสินคนที่เขาไม่พูดกับเราว่าเขาเป็นคนหยิ่ง (เขาอาจจะหูหนวกไม่ได้ยินที่เราพูดก็ได้)
· อย่าตัดสินคนที่พูดห้วนๆ กิริยาห้าวๆ ว่าเป็นคนจิตใจกระด้าง ฯลฯ
ส่วนใหญ่เรามักตัดสินคนจากพฤติกรรมภายนอกที่เราไม่ชอบ
เลยด่วนตัดสินว่าเขาไม่ดีหรือเป็นคนผิด
เราไม่มีสิทธ์ตัดสินใครๆ ว่าเขาไม่ดีหรือเป็นคนผิดหรอก
เพราะเราไม่ใช่ผู้พิพากษา
เราน่าจะนึกเพียงว่า เราไม่ชอบบุคลิกและลักษณะบางอย่างของเขา… เท่านั้น
และเหตุการณ์จากเด็กชายขายพวงมาลัยสองคนนี้
คงทำให้ยิ่งต้องระมัดระวังในการตัดสินคนอื่นๆ ให้มากขึ้น
แวะมาเจิม หอมด้วย จ๊วบบบบบ ^3^
ใครจะให้ของขวัญอะำไรพี่ดนัยนี่…ห้ามให้ของอ้วนๆ อ๊างงง..
ดูแลตัวเองอย่างนี้ถึงได้ยังดูหนุ่มแน่น กล้ามมัดๆ ^W^ งับๆๆ
เรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว แบบนี้ ถ้าใครอ่านแล้วคงต้องคิดตามได้ทันที หวังอยากให้คนอื่นได้อ่านเยอะๆ และเข้าใจโลกแบบนี้บ้าง
อ่านแล้วเบิกบานใจด้วยจริง ๆ ค่ะ สังคมไทยแต่เดิมก็มีน้ำใจกันแบบนี้
แต่ตอนนี้หายากขึ้นทุกวันค่ะ
ดีที่สุดคือ ทำใจตัวเองให้บริสุทธิ์
อ่านแล้วซึ้งจนน้ำตาซึม นิสัยพื้นฐานคนเราจริงๆที่ชอบด่วนตัดสินใจคนอื่นแว็บเดียวที่เห็น
เคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ อย่างนี้ค่ะ แต่แปลกตรงผู้รับ ขอแชร์นะคะ คือเด็กพิการมาเดินขายของ เห็นแล้วก็สงสารเลยให้เงินเค้าไปแต่บอกว่าไม่รับของได้ไม๊ อยากช่วยซื้อแต่ขอไม่รับของ รู้สึกแปลกใจมากเมื่อเด็กตอบทันทีว่า เค้าขอคืนเงินได้ไม๊ ถ้าเราไม่รับของเค้าไป เค้ารับเงินเราเฉย ๆ ไม่ได้ เคยเจอแบบนี้ไม๊คะ งงเลย เสียใจเหมือนกัน เราเต็มใจให้เค้าแต่เค้าไม่อยากรับค่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไม
ค่าของคน….อยู่ที่การกระทำทางกาย วาจา และใจ….มิใช่อยู่ที่ว่าเขาเป็นใคร…หรือรูปลักษณ์ภายนอกค่ะ…
อ่านแล้วรู้สึกอึ้ง..ซาบซึ้งใจมากทั้งผู้ให้และผู้รับ ขอแชร์นะคะ
..ขออนุญาตแชร์นะค่ะ..อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ..ขอบคุณมากๆเลยสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ค่ะ..
อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ
โชคดีที่ได้มีโอกาสแวะเข้ามาอ่านเรื่องดีๆ ขอบคุณคะ