การตลาดแบบ…. หมา หมา

ที่บ้านคุณมีน้องหมากี่ตัว ? (ขออนุญาตเรียกสุนัข ว่าหมา เพราะเรียกหมา ฟังดูน่ารักกว่าสุนัขตั้งเยอะ) เพราะเมื่อใดที่คุณเลี้ยงเขาแล้ว ไม่ว่าจะมีกี่ตัวก็ตาม เชื่อว่าคุณต้องรับผิดชอบดูแลน้องหมาของคุณเป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ต้องจัดหาที่ให้นอน มีอาหารให้กิน ฉีดยาป้องกันโรค และอาบน้ำทำความสะอาดให้เป็นประจำ ไม่ใช่งานสบายๆ เลยนะ

นี่คือการเลี้ยงดูขั้นพื้นฐานเท่านั้น ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยของการเลี้ยงดูสุนัขแบบพิเศษ อีกมากมาย สมัยนี้เราไม่ค่อยเลี้ยงสุนัขด้วยข้าวคลุกเศษเนื้อ หรือต้มข้าวกับกระดูกไก่ให้กินกันแล้ว ด้วยเวลาอันจำกัดของคนเลี้ยง บางทีเลี้ยงตัวเองยังไม่ค่อยรอด ริอ่านจะเลี้ยงสุนัข จึงต้องพึ่งอาหารสำเร็จรูปสำหรับน้องหมา ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีให้เลือกสารพัดตามกลุ่มเป้าหมาย สุนัขเล็ก สุนัขใหญ่ หลากรส สารพัดแบบ สารพัดกลิ่น ล่าสุดมีการจัดปาร์ตี้บุฟเฟ่ต์เลี้ยงน้องหมาอย่างเอิกเกริก ในงานมีการจัดจานใส่อาหาร ตกแต่งสวยงามเหมือนอาหารคน ขอบอกว่า น่ากินมาก……. เราเป็นคนยังรู้สึกอยากหยิบมาเคี้ยวกินเล่น….อยากรู้รสชาดจะเป็นอย่างไร

ของเล่นสารพัดสิ่ง อีกทั้งแฟชั่นเสื้อสุนัขก็ทำเงินได้มาก เคยเห็นคนจับสุนัขมาแต่งตัว ไปเที่ยวงานแสดงสินค้า ที่จัดสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ เหมือนคุณพาลูกไปเที่ยว ยังไงหยั่งงั้น มีของให้เลือกซื้อมากมาย (หมายถึงของสุนัข) ทั้งคนทั้งสุนัข เพลิดเพลิน สุนัขบางตัวใส่เสื้อสีชมพูหวานแหวว เข้ากับตัวอวบอ้วน ใครเห็นก็เอ็นดู อดเข้ามาทักทายไม่ได้ สร้าง ‘หมานุษยสัมพันธ์’ กันได้อีก

ปัจจุบันการใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป อยู่คนเดียว และพึ่งพาตัวเองมากขึ้น เมื่อต้องการเพื่อนที่ไม่ต้องพูด แต่สามารถรับฟัง และเป็นเพื่อนเล่นได้ น้องหมาสามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างดี ดังนั้นความต้องการมีเพื่อนเป็นน้องหมาจึงขยายตัวอย่างรวดเร็ว กลุ่มเป้าหมายครอบคลุมกว้างมาก เพราะเดี๋ยวนี้คนเรามองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกของครอบครัว มักชอบเลี้ยงและทุ่มทุนสร้าง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตภัณท์หรือสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีมูลค่าตลาดประมาณ 10,500 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องถึงปีละ 10- 15 % ในขณะที่ผลิตภัณท์หรือสินค้าหลายๆ อย่างสำหรับคน มีอัตราเติบโตในระดับที่ถดถอยในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดของสุนัขกลับเพิ่มขึ้นทุกปี

นอกจากนี้ น้องหมายังช่วยสร้างงานให้กับคน โดยมีอาชีพที่เรานึกไม่ถึง อาทิ อาชีพคนจูงสุนัข หรือแฮนด์เลอร์ โดยทั่วไปเราเคยเห็นแต่สุนัขจูงคนตาบอด แต่นี่คือคนจูงสุนัขสำหรับประกวด สุนัขที่ถูกส่งเข้าประกวด จะต้องได้รับการฝึกฝนอบรมบ่มมารยาทเข้าโรงเรียนฝึกก่อน และเมื่อถึงเวลาประกวดก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะมาจูงสุนัขวิ่งได้ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการจูงสุนัข แฮนด์เลอร์เหล่านั้นจะช่วยสร้างสีสันด้วยเทคนิคและกลเม็ดเคล็ดลับในการจูงสุนัขให้สง่างามและเตะตากรรมการ หากสุนัขที่จูงได้รับรางวัล นั่นหมายถึงชื่อเสียงของนักจูงก็ต้องได้รับการกล่าวขวัญถึง และแน่นอนรายได้ก็เพิ่มตามมา รวมถึงโอกาสในการถูกว่าจ้างต่อๆ ไปในอนาคต

ในปัจจุบันแฮนด์เลอร์ได้กลายเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว บางคนทำเป็นอาชีพเสริม บางรายถึงกับยึดเป็นอาชีพหลักเลยก็มี แต่ขอเตือนไว้ก่อน นักจูงสุนัขต้องฟิตและแข็งแรงเพราะบางทีกรรมการมองไม่เห็น ต้องให้วิ่งหลายรอบ เหนื่อยหอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อยทรุดกองพื้นก่อนสุนัข…ถ้าเป็นเช่นนี้ อาชีพแฮนด์เลอร์ไม่เหมาะกับคุณแน่ๆ

การประกวดสุนัขในบ้านเราเริ่มจริงจังมากขึ้นเป็นลำดับ ขณะนี้เข้าขั้นมาตรฐานเทียบเท่ากับนานาชาติเลยทีเดียว ปัจจุบันคนที่นำสุนัขเข้าประกวดมีเป็นจำนวนมาก และจะมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนที่เลี้ยงสุนัขและรักสุนัขอย่างจริงจังถึงขั้นส่งเข้าประกวด เสียเงินเสียทองเท่าไหร่เท่ากัน ทั้งการฝึก ทั้งการกรูมมิ่งตกแต่งขน ทั้งอาหาร ทั้งคนเลี้ยง ที่สุดสิ่งที่ได้มาคือรางวัลและความภาคภูมิใจของเจ้าของสุนัข ซึ่งก็น่าภาคภูมิใจจริงๆ
คุณต้องลองเข้าไปสัมผัสการประกวดสุนัขดูสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าสุนัขที่เห่าโฮ่ง ๆ ไล่ฟัดกันนัวเนีย เมื่อได้รับการฝึกแล้ว มันดูเด่นเป็นสง่าได้อย่างสิงห์ทีเดียว และสุนัขที่ได้รับรางวัล ค่าตัวจะแพงลิบ ค่าตัวในการนำไปผสมพันธ์แต่ละครั้งจะแพงกว่าซื้อลูกสุนัขใหม่ที่พ่อแม่ไม่มีชาติตระกูล และหากผสมพันธ์ดีๆ ยังส่งออกได้อีกด้วย แถมพ่อพันธ์ แม่พันธ์ ทั้งหลายเหล่านั้นยังต้องมีการทำประกันภัย วงการประกันยังได้มีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมสุนัข….เห็นหรือยังครับว่าตลาดสุนัข สามารถสร้างเงินกระจายรายได้ เสริมเศรษฐกิจได้ดีจริงๆ

เร็วๆ นี้ บ้านเราจะมีการจัดประกวดสุนัขนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ในภูมิภาค คืองาน FCI Asia and the Pacific Section Dog Show 2010 เนื่องจากประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมใหญ่ของสมาพันธ์สุนัขโลกและสมาพันธ์สุนัขแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม 2553 นี้ เพื่อแสดงศักยภาพการดำเนินงานของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลไปถึงการเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Dog Show งานระดับโลกที่จัดเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น ใครที่ยังไม่เคยได้เห็นการประกวดสุนัขระดับเวิลด์คลาส มาดูได้ที่งานนี้ เช็ครายละเอียดได้ที่ www.thailand-dogshow.com

ยังมีโอกาสทางการตลาดอีกมากมายสำหรับตลาดแบบหมา หมา แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรต้องสร้างคือสำนึกรับผิดชอบในการดูแลสัตว์เลี้ยง อย่าทิ้งขว้าง และปล่อยให้เป็นภาระผู้อื่น เช่นปล่อยไปเดินแล้วทิ้งอุจาระให้คนอื่นเก็บ…เราควรต้องเก็บเอง ปัจจุบันยังไม่มีอาชีพคนเก็บขี้หมา…… และไม่ควรส่งเสริมอาชีพนี้ด้วย (ขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดแบบหมา หมา คุณพิมพกานต์ ไชยสังข์ ที่อนุเคราะห์ข้อมูลและบทความนี้)