ช่วงเวลานี้ของทุกปี หลายคนคงเฝ้านับวันให้ถึงสิ้นปีกันเร็วๆ พร้อมกับคิดหาสถานที่ออกไปเคาท์ดาวน์ฉลองต้อนรับปีใหม่กับเพื่อนฝูงและครอบครัว เช่นเดียวกับผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกที่ทุกปีจะมีการถ่ายทอดสดภาพบรรยากาศความสุขสนุกสนานของวินาทีส่งท้ายปีเก่ากันให้เห็นอย่างคึกคัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองต่างๆ ซึ่งมีผู้คนไปจับจองพื้นที่กันเนืองแน่น เช่น สะพานฮาร์เบอร์และโอเปร่าเฮ้าส์ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติแรกๆ ที่เข้าสู่ปีใหม่ก่อนใคร หรือจตุรัสไทม์สแควร์ในนครนิวยอร์ก และบริเวณหอไอเฟลในกรุงปารีส
ย้อนกลับมาที่เมืองไทยกันบ้าง ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ที่วัดได้กลายเป็นสถานที่ส่งท้ายปีที่ได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมมหามงคลสวดมนต์ข้ามปีกันมากขึ้น อาจเพราะหลายปีมานี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้ามามาก ทั้งภัยธรรมชาติ ปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ทุกคนต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และปรารถนาที่จะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความหวังว่า จะมีแต่สิ่งดีงามเป็นสิริมงคลเกิดขึ้นกับชีวิตตนเองและคนรอบข้าง ปัญหาต่างๆ จะเบาบางลง พร้อมกับละทิ้งสิ่งไม่ดีไว้เบื้องหลัง
หลายหน่วยงานนิยมจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีกันมากขึ้นแทนการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ต้องเสียเงินทองจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือกิจกรรม ”สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี” จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับองค์ภาคีเครือข่ายมากมาย ซึ่งในปีนี้ตั้งใจจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองวาระมหามงคล 4 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในปีนี้ คือ
โอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา และยังเป็นปีพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเพียง 30,000 คนในปีแรก กิจกรรมดังกล่าวได้ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปีที่ 3 แล้ว โดยปีที่ผ่านมา มีพุทธศาสนิกชนสนใจร่วมสวดมนต์เพิ่มมากขึ้นถึงเกือบแสนคน และในปีนี้ผู้จัดคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานเฉพาะที่สนามหลวงไม่ต่ำกว่าสองแสนคน ยังไม่นับรวมวัดอีกหลายแห่งตามภูมิภาคต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการด้วย ตามเป้าหมายที่จะผลักดันให้กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเป็นวาระแห่งชาติ ถือเป็นการสร้างสถิติสวดมนต์พร้อมกันจำนวนมากและยาวนานที่สุดในโลก
ข้อสังเกตที่น่าสนใจกว่านั้นในแต่ละปีที่ผ่านมาคือ นอกจากคนสูงอายุแล้ว มีหนุ่มสาวรุ่นใหม่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีกันเป็นจำนวนมาก หลายครอบครัวยังจูงลูกจูงหลานเด็กๆ มาร่วมด้วย กลายเป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัวช่วยกระชับความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นพิษภัยกับใคร ทั้งยังเป็นการปลูกฝังเยาวชนให้เข้าใกล้พุทธศาสนามากขึ้น
ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกไม่น้อยมองว่า การภาวนาสวดมนต์ไม่ใคร่มีประโยชน์ เป็นเรื่องเสียเวลา และฟังไม่เข้าใจ ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
เพราะที่จริงแล้วการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจริงจะทำให้จิตเกิดสมาธิ เพิ่มพูนความจำ ช่วยฝึกสติ และนำมาซึ่งปัญญา มองเห็นหนทางการคลี่คลายปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นอกจากนี้การสวดมนต์ยังเป็นการปฏิบัติที่ทรงอานุภาพยังอานิสงส์แก่ผู้ปฏิบัติอย่างมหาศาล ดังที่สมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้เมตตากล่าวไว้ในหนังสือ อมตะธรรม สมเด็จโต อานิสงส์การสวดมนต์ แผ่เมตตามหาบุญ ว่า
“อานิสงส์ของการสวดมนต์นั้น มีประโยชน์อย่างยิ่งยวด ให้ผลบุญทั้งขณะที่ยังมีลมหายใจ ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ และมีอานิสงส์สูงสุดไปถึงดวงตาเห็นธรรม ยิ่งกว่านั้น อานิสงส์แห่งการสวดมนต์ ยังเป็นบุญกุศลเกื้อหนุนให้ชีวิตสูงขึ้นในทางโลก และสามารถสำเร็จเข้าสู่แดนมรรคผลได้ในทางธรรม”
เรียกได้ว่าการสวดมนต์ก็คล้ายการลงทุนประเภทหนึ่งเพื่อชีวิตในวันหน้าของเราซึ่งไม่ต้องอาศัยต้นทุนอะไรมาก นอกจากความตั้งใจจริงของเราเองเท่านั้น
ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านไปเคาท์ดาวน์ฉลองปีใหม่ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โดยปีนี้จะมีการถ่ายทอดสดภาพบรรยากาศงานทางช่อง 7 ตั้งแต่เวลา 23.30 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์พิเศษคือ การแสดงละครเวทีเรื่อง “พุทธะ ราชะ เดอะ มิวสิคัล” ถ่ายทอดพุทธประวัติผ่านละครเพลงบนเวทีกลางแจ้งเป็นครั้งแรก นำแสดงโดยศิลปินดาราคับคั่ง อาทิ นิว-วงศกร ปรมัตถากร เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า รัดเกล้า อามาระดิษ สันติ ลุนเผ่ เป็นต้น
ปีนี้ผู้จัดได้กราบนิมนต์พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร และคุณแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จากเสถียรธรรมสถาน มานำประชาชนสวดมนต์ข้ามปี ภายในงานยังมีการอัญเชิญพระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ตะเคียนทอง วัดป่าเขาล้อม และพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา มาให้ประชาชนได้ร่วมกราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
ส่วนเรื่องการเดินทางก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะงานนี้สสส.ได้ประสานขอรถขนส่งมวลชนสาธารณะไว้ให้บริการแก่ประชาชนโดยรอบ 6 มุมสำคัญรอบสนามหลวงเลยทีเดียว
มาร่วมนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ในกิจกรรมมหามงคลนี้ด้วยกัน เริ่มต้นดี ชีวิตดีแน่นอนครับ.
ที่มา : Post today