นอกเหนือจากการทำหน้าที่หลักในการปกป้องอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยในแผ่นดิน คงมี “ทหาร” ไม่กี่คนที่มีโอกาสทำหน้าที่รับใช้ชาติด้วยการ “แสดงภาพยนตร์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่องนั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ผู้พันเบิร์ด หรือ พันโทวันชนะ สวัสดี เป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศมาตั้งแต่ยังมียศเป็นร้อยเอก ในฐานะผู้ที่ได้รับเลือกให้แสดงบทนำในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งสยามประเทศ เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการทำให้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติกลับมาอยู่ในความสนใจของคนไทย ตลอดจนกระตุ้นให้คนไทยมีความรักและภาคภูมิใจในชาติ ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ที่เอื้อให้วัฒนธรรมต่างชาติเข้ามามีอิทธิพลต่อคนไทยมากขึ้นทุกขณะ
ผู้พันเบิร์ดเล่าว่า หลักในการดำเนินชีวิตส่วนหนึ่งก็มาจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั่นเอง
“พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า ‘พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า’ สิ่งแรกที่แสดงให้เห็นคือ พระองค์ท่านให้ความสำคัญกับธรรมชาติ สองคือความสำคัญของความเป็นภรรยา การมีชีวิตคู่สามีภรรยาที่ต้องโอบอุ้มกันไป”
“ผมจึงคิดว่าพระองค์ท่านอยากให้คนไทยดูแลรักษาธรรมชาติ และเห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัว เมื่อตอนที่ผมกับภรรยาเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานน้ำสังข์ ก็ทรงพระราชทานพรว่า การใช้ชีวิตคู่ต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ”
“พระองค์ท่านทรงทำหน้าที่ได้อย่างครบถ้วนทั้งความเป็นแม่และความเป็นภรรยา ในฐานะที่ผมเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ท่านเป็นเหมือนแม่ของแผ่นดิน เป็นแม่ที่แม่ของผมบอกให้รักพระองค์ท่านมากกว่าแม่ และพระราชจริยวัตรของพระองค์ท่านก็เป็นแบบอย่างที่ดีมาโดยตลอด”
อีกหนึ่งพระราชดำรัสที่ให้ข้อคิดสำคัญแก่ผู้พันเบิร์ดมาจากช่วงถ่ายทำภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
“พระองค์ท่านตรัสถึงการไม่มีเรื่องของประวัติศาสตร์ใส่ลงไปในหลักสูตรการศึกษาของเด็กไทยในปัจจุบันแล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่าพระองค์ท่านให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์มาก เพราะฉะนั้นผมก็จะทำทุกอย่างเมื่อมีโอกาสที่จะถ่ายทอดประวัติศาสตร์ในการบรรยายหรือในการพูดกับคนอื่นๆ ว่ามันมีความสำคัญอย่างไรบ้าง กลายเป็นคนที่มีความสนใจประวัติศาสตร์ ศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้น เพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปเล่าต่อคนรุ่นหลัง”
“ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศึกษาเอง และถ่ายทอดไปยังคนรุ่นหลัง เพื่อให้ประวัติศาสตร์ยังคงอยู่กับผืนแผ่นดินไทย”
การเป็นลูกทหารที่ตามรอยพ่อด้วยการรับราชการในกองทัพซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นจอมทัพไทย ย่อมเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้ผู้พันเบิร์ดมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มหัวใจ
“เห็นหน้าพระองค์ท่านแล้วมีความสุข แต่ถ้าคิดถึงสิ่งที่พระองค์ท่านทำจะมีกำลังใจ พระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยในทุกสาขาอาชีพ พระองค์ท่านทำสิ่งต่างๆ เพราะต้องการให้ประชาชนมีความกินดีอยู่ดีและมีความเป็นสุขทั้งใจและกาย โดยที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน”
ผู้พันเบิร์ดยังมีความประทับใจพระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงผนวชอีกด้วย โดยกล่าวว่า “การที่พระองค์ทรงผนวชได้สอนให้คนไทยได้รู้หลายอย่าง หนึ่งคือพระองค์ท่านเป็นพุทธมามกะ และกำลังจะสืบสานศาสนาให้ยืนยาวต่อไป สองคือการบวชของคนไทยเราถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณของพ่อแม่ พระองค์ท่านได้ทำหน้าที่ของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่บวชเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ภาพที่ทรงผนวชจึงสื่อถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมอยู่ในภาพเดียวเลย”
หากได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สิ่งที่ผู้พันเบิร์ดอยากจะกราบบังคมทูลคือ การน้อมนำพระบรมราโชวาทในเรื่องการมีสติรู้ตัว มีปัญญารู้คิด มาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
“ผมอยากจะบอกพระองค์ท่านว่า สิ่งที่พระองค์ท่านสอนไม่ได้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาผมไป ผมได้เอามาใช้ในชีวิตจริง เพื่อให้พระองค์ท่านรู้สึกภูมิใจในพสกนิกรของพระองค์ท่านคนหนึ่งที่ได้เอาสิ่งที่พระองค์ท่านสอนมาทำ”
“ตัวผมและครอบครัวพร้อมที่จะสละชีวิตให้กับราชวงศ์จักรี ถ้าสิ่งนั้นเป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ”
พบกับ “ธรรมดีที่พ่อทำ” มิติใหม่ของรายการโทรทัศน์ที่จะทำให้คุณรู้ว่า
“คนไทยโชคดีแค่ไหนที่มีพระเจ้าอยู่หัว”
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 15.45-15.55 น. ช่อง 5
ติดตามชมย้อนหลังทาง www.thailoveking.com
และช่วยกันกดไลค์ https://www.facebook.com/DoGoodforKing
ที่มา : คอลัมน์ The King in My Heart นิตยสาร Secret ดนัย จันทร์เจ้าฉาย