‘มิสไซง่อน’โศกนาฏกรรมความรัก : คอลัมน์ ศิลาในน้ำเชี่ยว โดย… ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
เรื่องราวความรักระหว่าง ‘คริส’ ทหารหนุ่มอเมริกันกับ ‘คิม’ หญิงสาวชาวเวียดนามที่พบกันเพียงค่ำคืนเดียวท่ามกลางสงครามเวียดนาม และพัฒนาต่อจนกลายเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่ตราตรึงหัวใจผู้ชมทั่วโลก
มิสไซ่ง่อน เป็นละครเพลง แนวละครเวสต์เอนด์ โดยนำเค้าโครงเรื่องมาจาก มาดามบัตเตอร์ฟลาย ซึ่งทั้ง “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” และ “มิสไซ่ง่อน” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของหญิงชาวเอเชีย ที่ถูกชายชาวอเมริกันทอดทิ้ง ในขณะที่เนื้อเรื่องเดิมของ “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” เป็นเรื่องราวความรักของหญิงสาวเกอิชาชาวญี่ปุ่น และนายทหารเรือชาวอเมริกันในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1900 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มเปิดประเทศ ส่วน “มิสไซ่ง่อน” เป็นเรื่องราวความรักของหญิงสาวชาวเวียดนาม ที่ทำงานในสถานบริการ และนายทหารชาวอเมริกันที่เข้าไปประจำการในเมืองไซ่ง่อน (ปัจจุบันคือ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ระหว่างสงครามเวียดนาม ช่วง ค.ศ. 1970)
มิสไซ่ง่อนรอบปฐมทัศน์แสดงที่โรงละครโรยัล กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1989 โดยเจ้าหญิงไดอาน่าเสด็จมาชมในรอบนี้ด้วย และได้รับความนิยมอย่างสูงจนเปิดการแสดงต่อเนื่องยาวนานจนถึงรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1999 รวมทั้งหมด 4,264 รอบ แต่ยังเปิดการแสดงที่โรงละครบรอดเวย์ สหรัฐอเมริกา เมื่อค.ศ. 1991 และเปิดการแสดงตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก
และล่าสุดก็เป็นบทพิสูจน์ความสามารถด้านการทำละครเพลง เดอะมิวสิคัลฝีมือคนไทยโดย “คุณบอย” ถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้อำนวยการสร้างและกำกับการแสดง ณ โรงละครรัชดาลัยเธียเตอร์ ซึ่งผมได้มีโอกาสไปชมในรอบปฐมทัศน์ ขอชื่นชมว่าเป็นการแสดงระดับเวิลด์คลาส สมศักดิ์ศรีคนไทยอย่างแท้จริงไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักดนตรี ผู้เขียนบท การออกแบบฉาก ระบบเสียง และรายละเอียดทุกองค์ประกอบ
อาจมีอยู่บ้างในบางช่วงที่ฟังตามไม่ทัน หรืออาจไม่เข้าใจในเสียงร้อง แต่ก็เป็นส่วนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับพลังแห่งความสั่นสะเทือนและอารมณ์ที่ส่งออกมาจากนักแสดงทุกคน ทำให้รู้สึกซาบซึ้งและอินไปกับความรักยิ่งใหญ่ของหญิงสาวที่มีต่อคนรัก และที่สำคัญต่อลูกชาย
ฉากที่ประทับใจมีมากมาย ตั้งแต่ การหนีออกจากประเทศเวียดนาม โดยทหารที่อยู่ในฐานทัพ และชาวเวียดนามที่พยายามจะขอหลบหนีออกนอกประเทศ แสดงถึงจินตนาการในการกำกับเวทีที่มหัศจรรย์มาก ในการเปลี่ยนมุมของเวทีให้เห็นด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลังของรั้ว ตามทำนองและอารมณ์เพลง โดยเฉพาะเมื่อเฮลิคอปเตอร์ร่อนลงจอด ด้วยระบบเสียงและฉากที่ทำให้ดูเหมือนมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กำลังร่อนลงจริงๆ
ฉากที่ผมชอบมาก เป็นสภาพบ้านเรือนที่ซอมซ่อเหมือนรังหนูที่นางเอกสาว ‘คิม’ ใช้ชีวิตอยู่กับลูก มีรายละเอียดบางอย่างที่สะเทือนใจ สัมผัสถึงความรักของแม่คนหนึ่งที่ต้องการปกป้องลูกน้อยอย่างสุดชีวิต และพร้อมจะทำทุกอย่าง แม้กระทั่งการพลีชีพเพื่อลูกน้อยที่ตนรัก
อีกฉากที่ทำได้ดีมาก คือ การแปลงรถตุ๊กตุ๊กที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นรถสปอร์ตหรูภายในชั่วพริบตา ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือการออกแบบของคนไทย หรือมาจากเมืองนอก แต่ดูแล้ว ชอบมาก!
อีกมิติที่เป็นภาพสะท้อนจากละครได้ชัดเจน แม้ว่าจะไม่เป็นที่ภาคภูมิใจนัก คือ ความเป็นจริงของสังคมเวียดนามและสังคมไทยในด้านมืด การมีบริการไนต์คลับ มีการหาประโยชน์จากเรือนร่างของหญิงสาว ไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ยังเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนจนถึงปัจจุบัน
ผมนั่งดูละครเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ตามจังหวะของการแสดง และอยากให้คนไทยด้วยกันไปให้กำลังใจการสร้างละครเวทีระดับโลกแบบนี้ เราจะได้มีโอกาสได้ดูกันไปเรื่อยๆ แต่ประเด็นหนึ่งที่อดคิดไม่ได้ คือ เมื่อสามสิบปีก่อน เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอสไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้เห็นถึงการไม่เป็นที่ยอมรับของ ‘มนุษย์เรือ’ เพื่อนชาวเวียดนามที่ไปลี้ภัยอยู่ที่นั่น และยังจำได้ว่าสภาพบ้านเรือนเขาล้าหลังกว่าเมืองไทยเหลือเกิน แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะวิ่งตามเราทัน
ไม่น่าเชื่อครับ เวลาผ่านไปสามสิบปี (อย่างรวดเร็ว) ตอนนี้ ประเทศที่เคยล้าหลังเรามากอย่างเวียดนาม กำลังไล่ตามมาติดๆ แล้ว โดยประเทศไทยที่เคยเกรียงไกรของเรา ณ ขณะนี้ถูกแซงไปหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้าว เรื่องนวัตกรรม เรื่องการอ่าน ฯลฯ
ดังนั้น นอกจากจะเชิญชวนผู้อ่านไปชมละครมิสไซง่อนก่อนที่จะลาโรงแล้ว ขอชวนมาฟังการแสดงปาฐกถาโดย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคมนี้ เวลา 14.00-17.00 น ณ ห้องประชุมศศินทร์ฮอลล์ อาคารศศปฐศาลา ชั้น 9 ในหัวข้อ ‘ก้าวสู่ AEC อย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์น่านน้ำสีขาว’ พร้อมการเสวนาโดยสุดยอดซีอีโอของเมืองไทย ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ลงทะเบียนออนไลน์ทาง www.dmgbooks.com/register หรือโทร. 0-2685-2255 แล้วพบกันครับ!
…………………………………
(หมายเหตุ ‘มิสไซง่อน’โศกนาฏกรรมความรัก : คอลัมน์ ศิลาในน้ำเชี่ยว โดย… ดนัย จันทร์เจ้าฉาย)
ที่มา : คม ชัด ลึก