ชีวิตมนุษย์เราไม่มีใครหนีพ้นโลกธรรม ๘ ที่เป็นสภาวะธรรมที่มีอยู่คู่โลก เป็นความจริงที่ทุกคนต้องประสบพบเจอและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อแตกต่างคือ ใครจะประสบมากหรือน้อย ช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โลกธรรมแบ่งออกเป็น ๘ ชนิด จำแนกออกเป็น ๒ ฝ่ายควบคู่กัน และมีความหมายตรงข้ามกัน คือ ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุขและทุกข์
แต่สิ่งที่ท่านสยาดอ อู โชติกะ พระอาจารย์ชาวพม่าเจ้าของผลงานหนังสือขายดี หิมะกลางฤดูร้อนและเพื่อนสนิทจิตของฉัน ได้เมตตามาแสดงธรรมโปรดญาติโยม ณ หอประชุมพุทธคยา เมื่อวันก่อน ท่านได้หยิบยกมาพูดเพียงคู่เดียว คือ นินทากับสรรเสริญ คือ การถูกตำหนิติเตียน กับการได้รับคำยกย่องสรรเสริญ
สัจธรรมสำหรับทุกคน คือ การถูกนินทาหรือตำหนิติเตียน ไม่มีใครที่ไม่เคยถูกตำหนิติเตียน หรือถูกพูดถึงในแง่ร้าย แม้แต่พระพุทธองค์ยังไม่รอดพ้นจากโลกธรรมข้อนี้ไปได้
ในบทหนึ่งของมงคลสูตร 38 ประการว่าไว้.. สิ่งที่มากระทบจิตใจทั้งหลายนั้นเป็นแค่ลมที่พัดมา ถ้าเราทำจิตใจให้เหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดอยู่ตลอดเวลา จิตก็ย่อมถูกกระทบกระเทือนกระเพื่อมไหวตลอดเวลา แต่เราไม่ควรเป็นเหมือนใบไม้ จิตใจเราต้องแข็งแกร่งดั่งหินผา ไม่สนใจต่อคำกล่าวหาใดๆ
เวลาที่เราได้รับคำสรรเสริญเยินยอ เรารู้สึกชอบ มีความสุข แต่เวลาที่มีคนว่ากล่าวติเตียน กล่าวหาว่าร้ายในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ เรารู้สึกอย่างไร จะเห็นว่าทุกคนล้วนตกอยู่ภายใต้โลกธรรมข้อนี้ ดังนั้นเมื่อใดที่เราได้รับคำชมหรือติเตียน เราควรจะมีสติ ตามรู้ในความรู้สึกที่เกิดขึ้น ใคร่ครวญดูว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับคำสรรเสริญ รู้สึกอย่างไรเมื่อถูกตำหนิติเตียน
ลองสังเกตความรู้สึกของเราในขณะนั้นเป็นอย่างไร รู้สึกกระเพื่อมไหวไปกับคำกล่าวหาเหล่านั้นหรือเปล่า รู้สึกโกรธ หดหู่หรือท้อแท้ไหม ถ้าเมื่อใดที่เรากระเพื่อมไหวไปกับคำตำหนิหรือคำชื่นชม เราจะขาดอิสรภาพไปโดยปริยาย ดังนั้นถ้าอยากเป็นอิสระจากทุกข์ ก็จงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือ หยุดนิ่งสักพัก เจริญสติดูสักครู่ ใคร่ครวญคิดว่าคนที่เขากล่าวชมเรานั้น เป็นผู้มีปัญญาหรือเปล่า อย่าหลงไปตามปาก
ขณะเดียวกันถ้าเราได้รับคำตำหนิก็ให้นิ่งคิดสักครู่ ตรองดูว่าผู้กล่าวตำหนิติเตียนมา เป็นผู้มีปัญญาหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นผู้มีปัญญาย่อมว่ากล่าวตักเตือนเราด้วยความหวังดี ต้องการให้เราปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ผิด เราก็จงรีบแก้ไข
ถ้าเราใช้ชีวิตด้วยการมีสติ และหมั่นพัฒนาคุณภาพจิตใจของเราโดยใช้สติรับรู้ทั้งในยามได้รับคำสรรเสริญหรือติเตียน ให้สังเกตยามที่จิตใจกระเพื่อม เราจะเริ่มเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เป็นอิสระมากขึ้น
เป็นอิสระจากทุกข์ได้ จิตใจต้องไม่กระเพื่อมไหวตามลมปาก ไม่ว่าจะเป็นสรรเสริญหรือนินทาก็ตาม.