วิกฤตน้ำท่วมที่เกิดในช่วงฤดูมรสุมปี 2554 ของไทย ส่งผลกระทบรุนแรงในแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่โขง น้ำท่วมมาแล้วกว่า 4 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 ระบุว่ามีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งสิ้น 64 จังหวัด เสียชีวิต 602 ราย สูญหาย 2 ราย ณ ขณะนี้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยเหลือ 17 จังหวัด และอยู่ระหว่างฟื้นฟู 47 จังหวัด
ประชาชนกว่า 2 ล้านชีวิตได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องไร้ที่อยู่อาศัย ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค อาหารและน้ำดื่มสะอาด ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสจากโจรขโมย น้ำท่วมขังที่กำลังเริ่มเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น เต็มไปด้วยเชื้อโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
วิกฤตมหาอุทกภัยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ในแง่ของปริมาณน้ำและจำนวนคนที่ได้รับผลกระทบ ประเมินความเสียหายอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท
สถานการณ์น้ำท่วมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในยุโรป อเมริกาและเอเชียด้วย อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติจึงเกิดบ่อยครั้งขึ้น รุนแรงขึ้น และเกิดในคราวเดียวกันทั่วโลก ก่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินแทบประเมินค่าไม่ได้
ในหนังสือ ‘สุดยอดเดอะซีเคร็ต’ หรือ ‘ความลับเหนือโลก’ ดร. เมล กิลล์ ระบุว่า สรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์กัน ตั้งแต่อนุภาคในอะตอมไปถึงจักรวาล ทุกอย่างโยงใยถึงกัน ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น เสมือนเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่ฟันเฟืองน้อยใหญ่สัมผัสกันหมดทั้งระบบ รวมถึงทุกสรรพสิ่งเกิดเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยก
สรรพสิ่งต่างๆ ในจักรวาลล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ไม่ใช่อยู่โดดๆ หรืออยู่แยกโดยไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน กาแล็กซี ดวงดาว หลุมดำ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก ไปจนถึงอณู ปรมาณู และพลังงานย่อมสัมพันธ์กัน สสารซึ่งเป็นอนินทรียะเป็นต้นกำเนิดและเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับอินทรียสารและสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตต่างๆ มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน ใช้รหัสชีวิตอย่างเดียวกัน และเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
ดร. เมล กิลล์ ยังอธิบายการโยงใยของจักรวาล โลก มนุษย์ และจิต ซึ่งคำตอบของความลับซ่อนอยู่รอบตัวเรา ให้หันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ละวางตัวตน และสงบ จึงจะค้นพบปัญญา และทุกสิ่งในโลกต่างเกิดใหม่ตลอดเวลา เคลื่อนไหว และสูญสลาย ซึ่งความลับโดยชาวตะวันตกล่วงรู้นี้ เป็นเรื่องเดียวกับที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่อง ไตรลักษณ์ คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และยืนยันได้ว่า ความรู้และปัญญาที่แท้จริง ต้องเกิดจากจิตที่สงบเป็นสมาธิ และการละตัวตนเท่านั้น
มนุษย์ก็เหมือนกันทั้งโลก ทุกสิ่งต้องเริ่มสร้างมาจากใจและความคิด ทั้งโชคชะตาของมนุษย์ ความสุข ความรัก ความสำเร็จ การเงิน มิตรภาพ พลังอำนาจ สุขภาพ ความเป็นอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมถึงความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ จุดเริ่มต้นมาจากกระแสในจิตของเราทั้งสิ้น!
ดังนั้นกระแสความคิด หรือกระแสจิตที่เราส่งออกไป มีผลต่อสิ่งที่สะท้อนกลับเข้ามาหาเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับ โลกซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 70% อาศัยอยู่ในจักรวาล มนุษย์อาศัยอยู่ในโลก และก็จิตอาศัยอยู่ในร่างกาย และ จิต คือ สิ่งกำหนดสิ่งที่จะเข้ามาในชีวิตเราทุกเรื่อง!
นายแพทย์ ดร. มาซารุ อิโมโตะ หนึ่งในผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เป็นนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ได้ทำการวิจัยโมเลกุลของน้ำ และพบว่า พลังงานการสั่นสะเทือนในมนุษย์ ซึ่งในร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 70% พบว่า ความคิด คำพูด แนวคิด และดนตรี มีผลให้ผลึกน้ำเรียงตัวงดงาม ตรงกันข้าม ถ้าเราส่งความคิด คำพูดที่ไม่ดีออกไป ผลึกน้ำนั้นก็จะยุ่งเหยิง
“คำพูด” นั้นส่งผลต่อชีวิตเรามาก ชาวญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า มีวิญญาณที่ชื่อ โคโตดะมะ ซึ่งมีแรงสั่นสะเทือนของคำพูดอยู่ในตัว เคยมีการทดลองวัดการสั่นสะเทือนทางอารมณ์ในร่างกายคนเราโดยโครงการนี้ใช้น้ำเป็นเครื่องมือศึกษาการสั่นสะเทือนทางอารมณ์โดยใช้ตรรกะว่า ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำเป็นหลัก
ดร. อิโมโตะเปิดดนตรีแบบต่างๆ ให้น้ำฟัง แล้วถ่ายผลึกน้ำแข็งของน้ำเหล่านั้น น้ำที่ “ฟัง” เพลงของบีโธเฟ่นและโมซาร์ทตกผลึกเป็นรูปร่างสวย ส่วนน้ำที่ฟังเพลงร็อคอึกทึกครึกโครมกลับตกผลึกเป็นชิ้นเล็กๆ ไม่เป็นรูปเป็นร่าง
ดร. อิโมโตะทดลองต่อไปโดยเปลี่ยนจากเสียงดนตรีเป็นคำพูด ผลที่ได้ก็คล้ายคลึงกัน คือ ขวดน้ำที่เปิดเสียงพูดซึ่งมีความถี่สูงให้ฟัง เช่น “ขอบคุณ” และ “ขอแสดงความซาบซึ้ง” จะตกผลึกเป็นรูปเป็นร่างสวยงาม ส่วนน้ำขวดที่ฟังคำพูดความถี่ต่ำ เช่น “โง่” และ “ไอ้งั่ง” ผลึกกลับไม่เป็นรูปเป็นร่าง หรือแทบไม่ตกผลึกเลย
เขาลองเปลี่ยนเป็นภาษาอื่นๆ ดูอีกด้วยความใคร่รู้ ทั้งภาษาจีน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาเลียน และเกาหลี ก็ได้ผลเช่นเดิม นั่นคือ คำพูดที่สั่นสะเทือนด้วยความถี่สูงจะทำให้น้ำตกผลึกเป็นรูปทรง “แข็งแรง” สวยงาม ขณะที่คำพูดร้ายๆ หรือมีความเกลียดชังจะทำให้ผลึกน้ำไม่เป็นรูปเป็นร่าง และ “อ่อนแอ”
สรุปว่า คำพูดส่งผลต่อมนุษย์เราอย่างยิ่ง คำพูดดีๆ ซึ่งมีความถี่สูงจะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนร่าเริงแจ่มใส ขณะที่คำพูดไม่ดีซึ่งมีความถี่ต่ำก็มีพลังในทางทำร้าย ทำลายล้าง เมื่อองค์ประกอบในตัวเราทุกคนมาจากน้ำเป็นส่วนใหญ่ ก็คงจะมองออกแล้วว่า ทำไมคำพูดจึงส่งผลได้มากขนาดนั้น
เราอาจถูกดึงดูดเข้าไปหากลิ่นบางอย่าง สถานที่บางแห่ง หรือแม้กระทั่งคนบางคน เพราะสิ่งนั้นมีความสอดรับหรือการสั่นสะเทือนคล้ายๆ กับเรา ส่วนความไม่สนใจหรือไม่ชอบสิ่งใดก็เกิดจากที่สิ่งนั้นมีรูปแบบการสั่นสะเทือนต่างไปจากเรานั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจว่า ระยะห่างดูจะไม่มีผลต่อแรงสั่นสะเทือนเลย ไม่ว่าคุณจะอยู่ห่างเป็นร้อยเป็นพันไมล์จากผู้คนหรือสถานที่ที่มีการสั่นสะเทือนสอดรับกับคุณ ก็จะเกิดผลไม่ต่างกันนัก เพราะกฎแห่งจักรวาลทำให้ระยะห่างใดๆ ไม่ได้ผลนั่นเอง
“ถ้านำคำพูดต่างคลื่นความถี่มาอยู่ด้วยกัน ก็จะกลายเป็นพลังทำลายล้างชีวิต ไม่ให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ดีงามได้” นี่คือคำกล่าวสรุปของ ดร. มาซารุ อิโมโตะ
เมื่อพิจารณาเหตุปัจจัยต่างๆ แล้ว จะเห็นได้ว่า การเกิดอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดของประเทศไทยในรอบ 50 ปี ในครั้งนี้ นอกเหนือจากปริมาณน้ำที่ถูกกักเก็บในเขื่อนในปริมาณที่มากเกินไป ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นจากพายุ 2 – 3 ลูก ยังมีเหตุปัจจัยอื่นที่เราอาจจะมองข้ามไป
นั่นคือ “ผลแห่งกรรม” จากความคิด คำพูดและการกระทำที่คนไทยส่วนหนึ่งเกิดความแตกแยกสามัคคี แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งสีแบ่งฝ่าย เข้าห้ำหั่นราวีกัน อาฆาตพยาบาทต่อกันราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาจากชาติไหน ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนที่ไม่ดี ส่งออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว สะท้อนไปยังสิ่งต่างๆ ที่อยู่บนโลกนี้ จนแรงสั่นสะเทือนมากพอ ทำให้เกิดผลอย่างที่กำลังเกิดกับโลกอยู่ในขณะนี้
ผลการกระทำที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน และกระทำต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สัตว์ป่า ต้นไม้ แม่น้ำ ลำคลอง สิ่งแวดล้อม ทะเล ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ กล่าวโดยรวมคือ มนุษย์ทั้งโลกได้สั่งสมแรงสั่นสะเทือนที่ไม่ดีมาเป็นเวลายาวนาน คือ มุ่งไปในทางทำลายล้างโลกมากกว่าจะมีการสร้างสรรค์ให้โลกนี้สวยงามน่าอยู่สำหรับเราทุกคน จึงเป็นเหตุให้แรงสั่นสะเทือนที่สั่งสมกันมากมายนั้น ส่งผลลบกลับมา คือ กลับมาทำลายล้างเราอย่างที่ปรากฏในขณะนี้ไปทั่วโลก
มาร่วมกันสร้างโลกเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยการแสดงน้ำใจไมตรีให้แก่กัน คิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ดี สร้างสรรค์ จรรโลงใจ เพื่อประเทศไทยสดใสกันตั้งแต่วันนี้เถิดครับ