เชื่อไหมครับว่า อีก 4 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะกลายเป็น “มหาอำนาจแห่งความดี” เพราะในปี ค.ศ. 2015 การทุจริตคอร์รัปชั่นจะกลายเป็นอดีตสำหรับประเทศไทย!!!
ท่านอาจสงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะตอนนี้ไทยติดอันดับประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นสูงในอันดับต้นๆ ของโลก จากดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น ประจำปี 2011 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 78 จาก 178 ประเทศทั่วโลก
ถือเป็นปัญหาที่หยั่งรากฝังลึกอย่างยาวนานในสังคมไทย ไม่ต่างกับโรคร้ายที่คอยกัดกร่อนและบ่อนทำลายประเทศ ซึ่งนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
และขณะนี้สถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชั่นยิ่งนับวันเลวร้ายยิ่งขึ้น มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้มีอำนาจ เพื่อให้ได้งานหรือสิทธิประโยชน์มากถึงร้อยละ 50 เพิ่มจากอดีตในช่วง 20-30 ปีที่มีการจ่ายเงินโต้โต๊ะร้อยละ 2-3 และเพิ่มมาเป็นร้อยละ 30-40 ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
จากการสำรวจพบว่า ในแต่ละปีการคอร์รัปชั่นในไทยมีเม็ดเงินสูงถึง 2- 3 แสนล้านบาท!!
ผลวิจัยสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยของ ม.หอการค้าไทย เมื่อปลายปี 2011 พบว่าข้าราชการ นักธุรกิจ และประชาชนเห็นตรงกันว่าสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยร้อยละ 83.3 เห็นด้วยมากที่สุดว่าปัญหานี้ควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ผู้ประกอบการร้อยละ 71 รู้ว่าต้องจ่ายอย่างไรและเท่าใด เพื่อความสะดวกในการทำงาน แม้เจ้าหน้าที่รัฐไม่เรียกร้องก็ตาม และอีกร้อยละ 29 จ่ายเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐเรียกร้อง
เกือบร้อยละ 80 ของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้งานจากรัฐ โดย 1 ใน 3 ต้องจ่ายเงินมากกว่าร้อยละ 25 นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 77.6 ยินดีมีส่วนร่วมในการต่อต้านคอร์รัปชั่น
นับเป็นนิมิตหมายที่ดีครับที่ภาคีเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น 23 องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ลุกขึ้นมาเป็นหัวหอกลั่นกลองรบ ประกาศสงครามกับปัญหาคอร์รัปชั่น
โดยมีแนวร่วมขานรับคับคั่ง อาทิ พลังเยาวชนโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย หนึ่งในเครือข่ายองค์กรภาคีสีขาวที่มีสมาชิกกว่า 282 องค์กร ประกอบด้วย องค์กร สมาคม ชมรม แม่ข่าย ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และองค์กรสื่อจากทั่วประเทศ
อยากให้คอร์รัปชั่นกลายเป็นอดีต ทำได้ไม่ยากครับ เป้าหมายของเราต้องชัดเจน คือ ตั้งเป้ากำจัดการทุจริตคอร์รัปชันให้สิ้นซากภายในปี 2015 คือในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ ด้วยวิธีการที่ทำได้อย่างเป็นรูปธรรม และทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แบบไฟไหม้ฟาง
ทุกภาคส่วนต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ทั้งภาครัฐ เอกชน เยาวชน สื่อและประชาชน ร่วมกันกำหนดทิศทางและอนาคตของประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยเริ่มจากตัวเรา ครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน ชุมชน และสังคมที่ใกล้ชิด เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อย่าไหว้คนโกง อย่าปล่อยให้คนโกงมีที่ยืนในสังคมไทย
เราเห็นตัวอย่างของประเทศฮ่องกงที่ทำสำเร็จมาแล้ว จากเมื่อก่อนที่ใครๆ ต่างก็มองว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นสูง แต่ปัจจุบันฮ่องกงกลายเป็นประเทศที่มีภาพลักษณ์โปร่งใส และน่าลงทุนอันดับต้นๆ ของโลก
ย้อนหลังไปเมื่อ 30 กว่าปีที่ฮ่องกง คนไข้จะดื่มน้ำยังต้องติดสินบนพยาบาล มันซึมลึกถึงขนาดนั้นครับ เชื้อร้ายของการทุจริตคอร์รัปชั่นแพร่กระจายไปทุกวงการ จนประชาชนทนรับสภาพไม่ได้ จึงออกมาแสดงพลังเพื่อให้มีการจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง
ในปี 1974 ฮ่องกงได้จัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชั่น (Independent Commission Against Corruption หรือ ICAC) ตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีใครตั้งความหวังกับ ICAC สักเท่าไร คิดว่าสุดท้ายคงไม่แคล้วลงเอยเหมือนกับความพยายามหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่แล้ว ICAC ก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับชาวฮ่องกงและชาวโลกที่สนใจติดตามการทำงานของพวกเขา
การคอร์รัปชั่นของฮ่องกงค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะไม่สามารถสยบปัญหานี้อย่างราบคาบ แต่เกาะฮ่องกงก็สะอาดและสูงขึ้น ความสำเร็จของ ICAC เกิดจากการใช้มาตรการทางกฏหมายควบคู่ไปกับการสร้างชุดคุณค่าใหม่ให้แก่สังคม เพราะทีมงานเชื่อว่า “ทัศนคติ” ของประชาชนเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวิธีการแก้ปัญหา
กลยุทธ์ของ ICAC แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ “ปราบปราม” และ “เปลี่ยนแปลง” การปราบปรามเป็นกลยุทธ์ระยะสั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาคอร์รัปชั่นในช่วงนั้นลุกลามใหญ่โตไปกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงเป็นกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อป้องกันไม่ให้การคอร์รัปชั่นกลับเป็นปัญหารุนแรงอีกในอนาคต
บทเรียนของฮ่องกง น่าจะเป็นความหวังให้แก่เราได้ว่า หากตั้งใจจริงและช่วยกันทำอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยก็ต้องทำได้เช่นกัน ซึ่งผมเชื่อว่าในที่สุด เราจะสามารถหยุดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้อย่างแน่นอน
โอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาเปลี่ยนทัศนคติใหม่ อย่ายอมรับค่านิยมที่มองว่าการโกงกินเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมไทย ต้องช่วยกันหยุดตรงนี้ให้ได้ เราต้องเชิดชูคนดีครับ “คนดีต้องยกย่อง คนเลวต้องประณาม คนแก้ไขควรให้โอกาส”
สุดท้าย ขอเชิญชวนคนไทยทุกคน เข้าร่วมเป็นภาคีองค์กรสีขาว ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบที่ http://www.do-d-club.com/ เพื่อเดินหน้าทำความฝันให้เป็นจริง คือ ทำให้การทุจริตคอร์รัปชั่นกลายเป็นอดีตสำหรับประเทศไทยภายในปี 2015
และระหว่างวันที่ 21 – 23 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะมีการจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด สร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เชิญชวนไปรวมพลังช่วยกันทำประเทศไทยให้ใสและสูงขึ้นครับ.
ชัดเจนแล้วว่าการติดสินบน จ่ายใต้โต๊ะ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย บ่อนทำลายสังคม