สถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่น่าจับตา เนื่องจากรัฐบาลประกาศแล้วว่าจะมีการยุบสภา และจัดการเลือกตั้งทั่วไประหว่างปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็น่าจะถูกอกถูกใจคอการเมืองที่รอคอยมานาน ผมจึงถือโอกาสนี้เชิญชวนทุกท่านทำหน้าที่พลเมืองดี เข้าคูหากันเยอะๆ ใช้สิทธิเลือกคนดีมาบริหารบ้านเมืองกันนะครับ
พูดถึงเลือกตั้ง ก็ต้องนึกถึงเอแบคโพลล์ขึ้นมาทุกที ซึ่งล่าสุด ไม่ได้สำรวจแค่เรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่ลงลึกในประเด็นที่กำลังน่าเป็นห่วง ภายใต้หัวข้อ “สำรวจวิกฤตการณ์ทางสังคมของชาติในช่วงเข้าสู่วาระการเลือกตั้ง กรณีศึกษาปัญหา คอร์รัปชั่น ท้องในวัยเรียน และยาเสพติดใน 17 จังหวัดของประเทศ” ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ระยอง กาญจนบุรี ปทุมธานี ชลบุรี น่าน พิษณุโลก เชียงใหม่ นครพนม ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี นครราชสีมา ปัตตานี และสงขลา ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,494 ตัวอย่าง และดำเนินโครงการระหว่าง 10 – 20 เม.ย. ที่ผ่านมา
งานนี้นำทีมโดย ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ร่วมกับ นายวรภัทธ ปราณีประชาชน นักศึกษา ประจำสถาบันคอร์เนลล์เพื่อภารกิจของรัฐ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ และคณะทำงานโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย (D Ambassador)
ผลสำรวจระบุว่าปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยที่ควรได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด อันดับหนึ่งคือ ปัญหายาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 50.3 รองลงมา คือ ปัญหาคอร์รัปชั่น ร้อยละ 41.5 และปัญหาท้องในวัยเรียน ร้อยละ 8.2 ส่วนปัญหาที่ไม่อยากเจอกับตนเองและคนใกล้ตัวมากที่สุด ปรากฏว่า ปัญหายาเสพติดมาเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 73.4 ปัญหาท้องในวัยเรียน ร้อยละ 16.1 และปัญหาคอร์รัปชั่น ร้อยละ 10.5
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.4 อยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหายาเสพติด ในขณะที่ร้อยละ 49.0 ระบุอยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น และร้อยละ 42.8 อยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาท้องในวัยเรียน มีเพียงร้อยละ 6.6 ที่ไม่อยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
และที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 95.7 เห็นด้วยที่จะให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางสังคมของชาติทั้งสามปัญหา เพราะเห็นว่า ต้องเสริมสร้างจิตสำนึกของเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้รู้จักแนวทางในการแก้ไขปัญหา และอยากให้เยาวชนตระหนักถึงบทบาทเพื่อเป็นตัวอย่างแห่งความดีในอนาคต
ประเด็นสุดท้ายนี้ถือว่าน่าสนใจและน่าดีใจมากครับ เพราะเกือบร้อยทั้งร้อยของกลุ่มตัวอย่าง ต้องการให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางสังคมของชาติทั้งสามปัญหา และหนึ่งในห้าเห็นว่าเราต้องลุกขึ้นมามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นการสะท้อนถึงแนวคิด จิตสำนึกสาธารณะ หรือความรับผิดชอบต่อสังคมระดับบุคคล หรือ iSR (Individual Social Responsibility) ได้อย่างชัดเจน
จะเห็นว่าสังคมไทยกำลังโหยหา “จิตสำนึกสาธารณะ” ในวันที่ผู้คนเริ่มตระหนักแล้วว่า หากเรายังคงปล่อยให้สังคมเป็นไปตามยถากรรม (ที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ) หากทุกคนในสังคม ยังมัวนึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน ความสงบในสังคมไทยคงเหลือน้อยเต็มทีครับ
อาชญากรรมเพิ่มขึ้น ยาเสพติดระบาดทั่วทุกมุมอับสังคม แหล่งมั่วสุมอบายมุขกระจายวงในกลุ่มเด็กอายุต่ำลงจนน่าใจหาย ผู้คนไร้ความละอายในการทำชั่ว เป็นภาพที่สะท้อนมุมหนึ่งของคนในสังคมขาดจิตสำนึกสาธารณะที่ร่วมกันเป็นหูเป็นตาดูแลสังคมหรือไม่
ยังไม่สายเกินไปที่พวกเราจะมาช่วยกันกระตุ้นจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมให้มากขึ้น เพราะวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การล่มสลายของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ รวมถึงวิกฤตด้านการเมืองและสังคมที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนไทย ล้วนมาจากสาเหตุเดียวกัน คือ การขาดจิตสำนึกสาธารณะ ทั้งในส่วนของปัจเจกบุคคลที่ไม่ได้รับการปลูกฝัง ไปจนถึงระดับผู้นำ
จากผลโพลล์ที่ระบุว่า หนึ่งในห้าคิดว่าตนเองควรเป็นผู้เริ่มแก้ไขและเปลี่ยนแปลงสังคม โจทย์ที่ท้าทายคือ ทำอย่างไรให้จากหนึ่งในห้ากลายเป็น สองในห้า จนกระทั่งเป็นห้าในห้า นั่นหมายถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม หันมาบอกว่าตนเองนั่นแหละควรเป็นผู้รับผิดชอบต่อสังคมไทย! เป็นเจ้าของประเทศไทยที่แท้จริง
เมื่อนั้น การเป็นต้นแบบด้าน CSR (Country Social Responsibility) คงไม่ฝันไกล เกินเอื้อม มาช่วยกันทำให้ประเทศไทยกลายเป็นมหาอำนาจแห่งความดี โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ในตัวเราก่อน แล้วค่อยๆ แผ่ขยายออกไปในสังคม ให้นานาอารยะประเทศหันมาชื่นชมดูประเทศไทยเป็นแบบอย่างแห่งการมีน้ำใจ มีวินัย มีความโอบอ้อมอารี และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเหนือส่วนตน อย่างเช่นคนญี่ปุ่นที่ได้แสดงให้โลกได้รับรู้และชื่นชมหลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า ในเรื่องวินัย ความอดทน ความมีน้ำใจ ความเสียสละ และการเห็นประโยชน์ส่วนรวมแม้กระทั่งในเด็กอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น
แต่เชื่อเถิดครับ ผมมั่นใจว่า คนไทยสายพันธุ์เดิมก็ไม่น้อยหน้าชนชาติไหนในโลกนี้ ในเรื่องจิตใจที่งดงาม มาช่วยกันเป็นทูตแห่งความดี ช่วยกันทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกเหมือนที่เคยเป็นมา.