หากใครเข้าไปติดตามในเฟซบุ๊กผม (http://www.facebook.com/danai.chanchaochai?fref=ts) คงจะเห็นความเคลื่อนไหวใหม่ที่เรียกกระแสการกดไลค์ได้เป็นอย่างดีนั่น คือ การโพสต์ภาพเด็กทารกตัวน้อยๆอายุไม่กี่วัน ซึ่งเป็นสมาชิกคนล่าสุดของครอบครัวนั่น คือ ลูกชายบุญธรรมผมเอง ชื่อ น้องโอม-ภาวิต จันทร์เจ้าฉาย ชื่อที่ได้รับประทานจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผ่านสมเด็จพระวันรัต แปลว่า ผู้เจริญแล้ว ผู้ได้รับการอบรมมาดีแล้ว นับเป็นพระเมตตาและสิริมงคลอย่างสูงสุด
ช่วงนี้จึงเห่อน้องโอมพอควรโพสต์ภาพขึ้นทุกวันให้บรรดาแฟนๆได้ติดตามความเคลื่อนไหว โดยกิจวัตรหลักของน้องโอม คือ การนอน (เป็นหลัก) และการกินนม (เป็นรอง) ส่วนกิจกรรมที่สร้างความฮือฮาได้มากการใส่บาตรเป็นประจำตอนเช้า ทั้งที่มีอายุเพียงไม่กี่วันก็ได้รับการอบรมให้รู้จักการตักบาตร ไหว้พระ และฟังเสียงสวดมนต์เป็นประจำ ให้สมกับที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ และให้สมกับชื่อที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราช พอมีน้องโอมเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่เลยพาสงสัยว่า เวลาที่มีชีวิตน้อยๆเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มีใครได้แสดงความยินดีต้อนรับเด็กน้อยเหล่านี้เข้าสู่การเป็นมนุษย์บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้บ้าง หรือพวกเราทั้งหลายที่เกิดกันมานานแล้ว มีใครได้รับการต้อนรับสู่ดาวดวงนี้บ้างรึยัง
หากยังผมขออนุญาตยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ดาวเคราะห์ดวงนี้ในระบบสุริยจักรวาลสถานที่ที่ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายพอสมควรพร้อมกับเพื่อนๆสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกันอีกกว่า 7,000 ล้านคน และเพื่อนๆที่ต่างสายพันธุ์อีกมากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน ตลอดระยะเวลาของการมาเยือนดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้ ข่าวดีสำหรับมนุษย์ทุกคน คือ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายนั้น เรามีพร้อมให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสายลม แสงแดด อากาศบริสุทธิ์ แสงอาทิตย์แสงจันทร์ ต้นไม้ สายน้ำ ผืนแผ่นดิน และทุกท่านได้รับอนุญาตให้มีให้เป็นได้ทุกอย่างตามความสามารถ ตามวาสนาบารมีที่ทุกท่านพึงมีพึงเป็น พึงสะสมได้ ทั้งที่ดิน อาคาร บ้านเรือนทรัพย์สมบัติทุกชนิด
ใครที่ฉลาดปราดเปรื่องมากด้วยความสามารถและบารมี ก็ได้รับอนุญาตให้สะสมได้ทุกอย่างตามใจปรารถนา จะสะสมทรัพย์ภายนอกบ้าง ทรัพย์ภายในบ้าง ก็ตามแต่ที่แต่ละท่านตั้งเป้า และตั้งใจ มีเพียงเงื่อนไขเดียวที่ทุกท่านพึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่มีข้อยกเว้นต่อผู้ใดแม้แต่รายเดียว นั่น คือ เวลาที่ทุกคน “เช็กเอาต์” ออกจากโลกใบนี้ไป ขอความกรุณาส่งคืนทุกสิ่งอย่างไว้บนดาวเคราะห์ดวงนี้ โลกขอคืนหมดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของ บ้านเรือน อาคารสมบัติพัสถานทุกชิ้นที่หาได้มา รวมทั้งร่างกายธาตุขันธ์ อวัยวะน้อยใหญ่ทุกชิ้นที่ท่านเคยใช้ปฏิบัติการอยู่บนโลกใบนี้รวมทั้ง ลมหายใจสุดท้ายก็ขอความกรุณาส่งมอบคืนด้วย ดาวเคราะห์ของเราไม่อนุญาตให้ท่านนำสิ่งใดติดตัวไปได้เลย นับจากวินาทีที่ท่านเช็กเอาต์ออกไปเป็นกฎธรรมชาติที่ชัดเจน เที่ยงธรรม เสมอภาค ไม่ว่าท่านจะยากดีมีจน เชื้อชาติใด ศาสนาใด โลกของเราก็ปฏิบัติเช่นนี้ทุกราย
ผมได้มีโอกาสเรียบเรียงหนังสือคำสอนสุดท้ายของ ดร.สตีเฟ่น อาร์ โควีย์ซึ่งรวบรวมคำคมและแนวคิดตลอดชีวิตของบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ให้เป็นหนึ่งใน 25 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดของโลกในรอบศตวรรษนี้ มีบทที่ว่าด้วยวิสัยทัศน์ซึ่งสอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวคิดการมีชีวิตและเป้าหมายบนโลกใบนี้ ดร.โควีย์ แนะนำให้เราลองวาดภาพตัวเองเดินทางไปร่วมงานศพ เมื่อจอดรถแล้วก้าวออกมา ขณะที่เดินเข้าไปยังศาลาหรือตัวอาคาร เราได้มองเห็นมวลดอกไม้ ได้ยินเสียงดนตรีแผ่วเบาแลดูใบหน้าผองเพื่อนและคนในครอบครัวที่ยืนอยู่สองข้างทาง สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าจากการสูญเสีย รับรู้ได้ถึงความปีติที่ได้รู้จักกันที่แผ่ซ่านจากหัวใจของผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องและมองไปที่โลงศพทันใดนั้น เราก็มองเห็นใบหน้าตนเอง นี่คืองานศพของเราเอง! คนเหล่านี้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อรำลึกแสดงความรักและอาลัยต่อการจากไปของเรา
ในขณะที่รอคอยให้พิธีเริ่มต้น ในกำหนดการจะมีบุคคลที่กล่าวคำไว้อาลัยทั้งหมด 4 คน คนแรกเป็นคนในครอบครัวเราเอง ทั้งพ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย คนที่ 2 เป็นเพื่อนสนิทที่จะมาบอกเล่าความเป็นตัวตนของเราได้ที่สุด คนที่ 3 เป็นเพื่อนร่วมงานหัวหน้างาน หรือลูกน้อง คนที่ 4 เป็นตัวแทนจากองค์กรหรือชุมชนที่เราสังกัดอยู่ ลองจินตนาการอย่างจริงจัง เราอยากให้คนต่างๆ เหล่านี้พูดถึงเราอย่างไรในวันสุดท้ายที่เราเช็กเอาต์ออกจากโลกใบนี้ อะไรคือสิ่งที่สะท้อนความเป็นลูก เป็นพ่อแม่ เป็นพี่น้อง เราอยากเป็นลูกแบบไหน เป็นพ่อแม่พี่น้องแบบไหน เป็นเพื่อนประเภทใดและเป็นคนร่วมโลก ร่วมชาติอย่างไรในสายตาของคนที่สำคัญเหล่านี้ เราต้องการเป็นที่จดจำอย่างไร และเราปรารถนาสร้างความแตกต่างใดให้เกิดขึ้นในชีวิตของคนเหล่านี้บ้าง สิ่งใดบ้างที่เราอยากให้เกิดขึ้นในขณะที่เรายังมีชีวิต และลมหายใจ เราควรเริ่มต้นจากจุดหมายนั้นภายในใจ Start with the End in Mind
เวลาเพียง 75 ปี หรือ 3,900 สัปดาห์ที่เรามาเยือนโลกใบนี้เป็นเวลาที่น้อยมากและจะผ่านไปในชั่วพริบตา เราจึงควรตั้งเป้าหมายและวิสัยทัศน์ให้ชัดเจน ให้ความสำคัญกับบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา สร้างตำนานให้เป็นที่จดจำสร้างความแตกต่างให้กับคนรอบข้างและสังคมให้คุ้มค่ากับการที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ Live Love Laugh and Leave a Legacy.
จงรู้จักใช้ชีวิต จงคิดที่จะรัก จงเปี่ยมด้วยเสียงหัวเราะ จงบ่มเพาะตำนานเพื่อให้ผู้คนโจษขานสืบไป
Credit: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์