นานๆ ผมถึงจะมีโอกาสได้กลับมานอนที่บ้านรามอินทราซึ่งแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ชุกชุมไปด้วยนกนานาชนิด กระรอกน้อยและจิ้งหรีดที่ส่งเสียงดัง แถมมีคลองและบึงน้ำอยู่ติดริมหน้าต่างห้องนอน ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ นอกจากเสียงนกร้อง เสียงหริ่งหรีดเรไรยามค่ำคืน ต่างจากบรรยากาศย่านราชประสงค์ที่ปกติเป็นทั้งที่ทำงานและที่พักอาศัยตลอดเวลากว่าสิบปี แต่ปัจจุบันได้กลายสภาพเป็นที่ชุมนุมประท้วง มีการขยายเสียงดังสนั่นทั้งกลางวันกลางคืนมาร่วมเดือน และไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้อย่างสันติ ทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการเด็ดขาดในการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ เป็นเหตุผลสมควรที่ทำให้ผมกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบในย่านชานเมืองอีกครั้ง
ความจริงต้องขอขอบคุณการชุมนุมที่เกิดขึ้น ทำให้ผมได้มีโอกาสตรวจสอบความหนักแน่น ความเป็นกลางของหัวใจว่าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้อย่างไร ท่ามกลางความวุ่นวาย ความแออัด ทั้งในด้านความเป็นอยู่และความคิดที่กระตุ้นความเกลียดชัง ความแตกแยกในสังคม เป็นที่สังเกตได้ชัดเจนว่า ตราบใดที่เรายังไม่สามารถทำให้คนไทยพึ่งพาตนเอง รู้ซึ้งถึงความหมายในการเป็นที่พึ่งแห่งตนตามคำสอนของพระพุทธองค์ อัตตาหิ อัตโนนาโถ ปรากฏการณ์การประท้วง การเรียกร้องสารพัดเรื่องก็จะไม่มีวันจบสิ้น เพราะคนไทยกลุ่มหนึ่งยังไม่เคยสัมผัสกับความสุขที่เป็นอิสรภาพ ความสุขจากการยืนอยู่บนความสามารถของตนเอง
เมื่อไม่สามารถเป็นที่พึ่งแห่งตน จึงไม่สามารถตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของการได้เกิดเป็นมนุษย์และเป็นคนไทยได้ ผมพูดอยู่เสมอว่า การที่เราจะรู้จักกตัญญูต่อผืนแผ่นดิน รักชาติ รักในหลวง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ หรือมีปณิธานอันสูงส่ง แต่การรักชาติ กตัญญูต่อผืนแผ่นดินไทย เป็นเพียงจิตสำนึกขั้นพื้นฐานของการได้เกิดมาเป็นคนไทยเท่านั้น!
สิ่งที่สังคมไทยต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน ไม่ใช่การแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเพียงตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ แต่ควรเร่งแก้ไขจิตสำนึกขั้นพื้นฐานในการเป็นคนไทย ให้รู้จักหน้าที่ของตนเองว่าต้องมาก่อนสิทธิเสมอ หากไม่รู้จักว่าหน้าที่คืออะไร จะเรียกร้องสิทธิได้อย่างไร
สิ่งที่ควรยุบ ไม่ใช่เป็นการยุบสภา ซึ่งเป็นเรื่องภายนอก แต่ควรยุบอัตตาตัวตน และทิฐิมานะที่ครอบขังเอาไว้ทั้งความคิดและชีวิต ทำให้ขาดอิสรภาพ ความสุข และการใช้ชีวิตตามครรลองที่ถูกต้องดีงาม
ก่อนที่จะปิดออฟฟิศชั้น 22 อมรินทร์พลาซ่า ตามนโยบายปิดราชประสงค์ของรัฐบาล เราเป็นบริษัทเดียวที่เปิดทำการจนถึงสองทุ่ม เพื่อให้บริการแก่นักข่าวที่เข้ามาทำงานรายงานสถานการณ์ เป็นน้ำใจเล็กน้อยที่เราสามารถหยิบยื่นให้กับนักข่าวที่ทำงานท่ามกลางความกดดัน
ช่วงแรก เราให้บริการถึงเวลาหกโมงเย็น เนื่องจากอาคารอมรินทร์ได้ปิดไม่ให้มีคนเข้าออกหลังจากนั้น บริษัทหลายแห่งในอาคารก็ปิดทำการตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ เพื่อความปลอดภัย แต่นักข่าวได้ขอให้เราเปิด Press Center จนถึงสองทุ่ม เนื่องด้วยแกนนำผู้ชุมนุมมักจะแถลงข่าวตอนหนึ่งทุ่ม นักข่าวจะได้มีเวลาในการเขียนและส่งข่าวในแต่ละวัน เราจึงจัดเวรให้พนักงานอยู่ดูแลนักข่าว ดูความเรียบร้อยของสำนักงานก่อนจะกลับบ้าน
คืนหนึ่งหลังสองทุ่ม หลังจากนักข่าวกลับหมด ปิดออฟฟิศเรียบร้อย ผมลงลิฟท์มากับทีมงาน และแปลกใจที่เห็นว่ามีพนักงานอยู่มากกว่าที่ได้จัดเวรเอาไว้ จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า ทำไมอยู่กันเยอะ ไม่รีบกลับบ้าน เพราะรถไฟฟ้าบีทีเอสปิดให้บริการตั้งแต่สองทุ่มแล้ว การเดินออกจากบริเวณที่ชุมนุมก็ต้องระมัดระวัง เพราะรถเข้าออกลำบากมากในช่วงเย็น ต้องเดินผ่านด่านออกไป
ปรากฏว่ามีพนักงานฝ่ายบัญชีคนหนึ่งบอกว่าได้คุยกับเพื่อนที่ได้รับสายโทรศัพท์จากชาวต่างชาติที่ตอนนี้กลับไปอยู่ต่างประเทศ หลังจากที่หมดสัญญาในการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่อยุธยาหลายปี ฝรั่งคนนี้ได้เห็นภาพข่าวเหตุการณ์ความไม่สงบตามสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่ออกทั่วโลก ด้วยความตระหนกตกใจ และคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะรุนแรงมากมายขนาดนี้ เขาไม่เชื่อว่าคนไทยจะเป็นแบบนี้ จะใช้ความรุนแรงและแสดงออกอย่างก้าวร้าว
เขาบอกว่า คนไทยที่เขารู้จัก ใจดี ยิ้มง่าย รักความสงบ เขาได้เห็นเหตุการณ์แล้วรู้สึกเป็นห่วงคนไทย เป็นห่วงในหลวง เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แต่ขออนุญาตโทรศัพท์มาร้องเพลงชาติไทยด้วยทุกวันเวลาหกโมงเย็น เพื่อแสดงความเป็นห่วง แสดงความผูกพันที่มีกับคนไทย กับในหลวง
พนักงานฝ่ายบัญชีได้ฟังเรื่องนี้ก็น้ำตาไหล ขนลุก แล้วก็เข้าใจว่าทำไมบริษัทเราจึงมีการยืนตรง เคารพธงชาติทุกวัน ทำไมเราจึงมีการสวดมนต์ไหว้พระ สมาทานศีลก่อนเริ่มทำงานทุกเช้า เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ แต่หากเรามองข้ามไป ไม่ให้ความสำคัญ ย่อมส่งผลต่อการขาดระเบียบวินัย ไร้จิตสำนึกต่อส่วนรวม และเรื่องอื่นๆ ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่านี้
พวกเรายังโชคดีที่มีเพลงชาติไทยให้ร้อง มีธงไตรรงค์ให้ชักขึ้นสู่ยอดเสา และที่สำคัญ มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว…
ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ใดๆ กับประเทศไทยตลอดระยะเวลา 60 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ในหลวงจะทรงละทิ้งประเทศไทย ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ในหลวงจะทรงละทิ้งประชาชนคนไทย..
แล้วทำไม เราจึงไม่รักในหลวง…
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ
เข้าใจว่าได้อ่านและได้ฟังหลายรอบแล้ว คงไม่เบื่อ…. O.O
เข้าใจว่าได้อ่านและได้ฟังหลายรอบแล้ว คงไม่เบื่อ…. O.O