
เราโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสฟังธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีโอกาสประพฤติปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรม
ธรรมะของพระพุทธเจ้า จะบรรลุได้ก็ด้วยปัญญา
เราทุกคนล้วนมีเชื้อพุทธภาวะ ที่จะบรรลุธรรม
ถ้าเราไม่ทิ้งพระรัตนตรัย และยึดมั่นในศีล
เมื่อศีลห้าบริสุทธิ์ ประตูนิพพานจึงเปิด
เราส่วนใหญ่ถูกศีล แต่ยังผิดธรรม ..
เป็นอย่างไร
คือเรารักษาศีล แต่ยังมีความโลภ โกรธ หลงอยู่
ศีล .. ขจัดกิเลสอย่างหยาบ
สมาธิ .. ขจัดกิเลสอย่างกลาง
ปัญญา .. ขจัดกิเลสอย่างละเอียด
จะมีแต่พระอรหันต์เท่านั้น ที่ถูกทั้งศีลและธรรม
▪︎การจะเข้าถึงโลกุตรธรรม ต้องเข้าถึงความเป็นโสดาบันขั้นแรก และเข้าสู่สกิทา อนาคา และพระอรหันต์ ตามลำดับ ซึ่งองค์ธรรมของพระอนาคา กาม โกรธ กลัว ไม่มีแล้ว เพราะสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ แต่ปัญญาตัวสุดท้ายยังไม่เกิด ต้องสั่งสมบารมีต่อไปจนกว่าจะถูกธรรม เข้าสู่ความเป็นพระอรหันต์
▪︎อุปาทานาเวรมณี
งดเว้นจากการยึดธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ว่าเป็นของเรา
แต่พวกเรายังทำไม่ได้ จึงเป็นเพียงผู้ถูกศีล แต่ยังผิดธรรมอยู่ ให้เพียรฝึกปฏิบัติต่อไป
▪︎ถ้าอายุขัยเฉลี่ยมนุษย์ เท่ากับ ๗๕ ปี
วันเวลาของเราเหลือน้อยลงๆ ทุกทีแล้ว
ชีวิตเรามี ขณะนี้เท่านั้น
ถ้ารู้ไม่ทันขณะนี้ มีสิทธิ์หลง
ถ้าจิตตั้งมั่นอยู่ในปัจจุบันขณะ
จะเห็นชัดปัจจุบันปรากฏ
แต่ถ้าจิต ส่งไปอดีต อนาคต
จะไม่เห็นสิ่งที่ปรากฏ ในปัจจุบันตามความเป็นจริง
ถ้าเห็นอะไร แล้วไม่ปรุงต่อ
ถือว่าเรามีสติเป็นเครื่องระลึก มีจิตเป็นเครื่องรู้ อวิชชาจะไม่เข้ามาครอบงำ
ความเป็นกลางของจิต คือ พุทธะ
ความเป็นกลางของจิต คือ นิพพาน
จิตเป็นกลาง จะไม่เป็นกรรม
ที่เป็นกรรม เพราะไม่เป็นกลาง
กรรม อันหมายรวมถึงกุศลและอกุศล
แต่ความเป็นกลาง คือ มหากุศล
ถ้าเราฝึกปฏิบัติไป เราจะสามารถหยุดความคิดได้ เป็นมหากุศล วันนี้เรายังมีความรู้โดยอาศัยความคิด ถ้าเราฝึกฝนไปจนเกิดธาตุรู้ เราจะเป็นผู้มีความรู้ โดยไม่ต้งอาศัยความคิด เกิดญาณทัศนะ
ความกังวล ความกลัว เป็นตัววัด
ว่าจิต พัฒนา ไปแค่ไหน
ถ้ายังมีความกลัว ความโกรธ อยู่ร่ำไป
ก็ยังไม่ผ่าน…
เพราะเรายังยึดธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ว่าเป็นของเรา
พระอนาคามี ท่านละกาม โกรธ กลัว ได้หมดสิ้นแล้ว แต่ท่านยังสำคัญตนว่าสบายแล้ว อำนาจแห่งศีล และสมาธิสมบูรณ์ แต่ปัญญายังไม่สมบูรณ์
แล้วพวกเราล่ะ…ก็ขอให้หมั่นปฏิบัติภาวนา
จงอย่าทิ้งสาระของใจ ที่เป็นปกติ
ไปอยู่กับสิ่งผิดปกติ ที่ไร้สาระ
เพราะวันเวลาของเรามีค่า
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้…
วันคืนล่วงไป..บัดนี้ เราทำอะไรอยู่
ให้เราหมั่นถามตัวเองบ่อยๆ ให้คอยเช็คใจ
ชั่วโมงผ่านไป ความเป็นกลางของใจ ยังปกติดีอยู่หรือหนอ
ปกติ คือ จิตไม่ส่งออกไปหาใคร
▪︎ภิกษุอยู่ป่า อยู่ถ้ำ อยู่เงื้อมผา อยู่คนเดียว แต่จิตส่งออกนอก ชื่อว่ามีตัณหาอวิชชาเป็นเพื่อนสอง
แต่ถ้าภิกษุคลุกคลี อยู่กับภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แต่จิตไม่ส่งออกไปหาใครเลย จึงได้ชื่อว่าอยู่คนเดียว
อยู่คนเดียว หรืออยู่กับใคร หรือไม่มีใครอยู่
ให้ถามจิตดู ว่ามีตัวกู อยู่ตรงไหน
เมื่อไม่มีตัวกู สถิตอยู่ ณ ที่ใด
โลภ โกรธ หลง จะมาจากไหน..ถามใจดู
องค์หลวงพ่อมนตรี ท่านจึงเน้นย้ำว่า
“อย่าให้จิตก่อรูป เป็นความคิด”
เพราะมันจะเกิดเป็นพิษกับจิต จริงๆ หนา
ถ้ารู้ไม่ทัน กลลวง ของอวิชชา
มันจะพา ให้เกิดภพ ไม่จบเป็น
#ทุกความคิดคือการสร้างชาติภพ
#หยุดความคิดคือหยุดสังสารวัฏ
ดั่งคำที่หลวงพ่อมนตรี กล่าวไว้ และเขียนด้วยลายมือติดไว้ ที่กระจกบนศาลาหอฉัน สวนพุทธธรรมป่าละอู
▪︎ก่อนที่ความคิดจะเกิด
ขณะนั้นจิตเราเป็น #ธาตุรู้
ถ้าไม่รู้ เป็นโมหะ
ถ้ารู้ เป็นพุทธะ
▪︎ถ้าอยากเป็นอริยะ ให้อยู่กับอิริยาบถ
ถ้าอยากเป็นโสดาบัน ให้อยู่กับปัจจุบัน
▪︎อดีตไร้คนเก่า อนาคตไร้คนใหม่
ปัจจุบันไร้คนอยู่ แล้วมีตัวกู มาได้อย่างไร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีสัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา แล้วมีตัวเรามาได้อย่างไร
ธรรมะทั้งหลายที่เราศึกษาปฏิบัติมา ถ้าเราทำต่อเนื่อง ถูกจริต เราจะเห็นผลคือ กายเบา จิตเบา
ธรรมะถูกทาง ปฏิบัติถูกจริต จะเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้
▪︎ให้ใจอยู่กับกาย ด้วยรู้สึก
ให้หายใจ ลึก-ลึก เมื่อนึกได้
ให้อยู่กับ ความว่าง ที่กลางใจ
ให้ทุกอย่าง เขาดำเนินไป อย่าแทรกแซง
โลกเขาก็เป็นเช่นนี้ แต่ตัณหาของเรา ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ถ้าเราฝึกปฏิบัติไป เราจะเข้าใจ
สุดท้าย.. พระอาจารย์ทองสุข ได้มอบกลอนเพื่อเป็นกำลังใจแด่คุณแม่ของคุณดนัย ในวัย ๘๐ ไว้ดังนี้
▪︎คุณแม่ชนิตร์นันท์ จันทร์เจ้าฉาย
มีบุตรหญิงบุตรชาย ประเสริฐศรี
มีศรัทธา ก่อตั้ง มูลนิธิธรรมดี
ให้พุทธบริษัทสี่ ได้สั่งสมบารมี ตราบนิพพาน
เมตตาแสดงธรรมโดย
พระอาจารย์ทองสุข (เรวัติ สุปภาโต)
เนื่องในงานทอดผ้าป่า ประจำปี ๒๕๖๔
ณ สำนักสงฆ์พุทธเจดีย์ คีรีเขต
ทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์
ยอดปัจจัยทอดผ้าป่า ๕๐๐,๙๙๙ บาท
วันเสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
#มูลนิธิธรรมดี
นำโดย คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย
ประธานมูลนิธิ
ขอบคุณการสรุปสาระธรรม
โดยน้องป้อม จินดา มากคำ
หากมีสิ่งหนึ่งประการใดที่ลูกได้ประมาทพลาดพลั้งในการสรุปธรรมครั้งนี้ ลูกกราบขอขมาต่อพระอาจารย์ทองสุข มา ณ ที่นี้


