กลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงกลางปี 2559 ทุกท่านคงทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้
กำลังเผชิญกับปัจจัยลบหลายอย่าง ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างที่คาดการณ์ไว้
ถือเป็นความท้าทายที่ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมกันฝ่าฟันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้นเร็วที่สุด
ยังไงก็ขอให้อดทน มุ่งมั่นและฝ่าฟันอุปสรรคกันไปให้ได้นะครับ อย่าเพิ่งยอมแพ้
และเพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง วันนี้ผมมีข้อคิดที่จะช่วยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
ขอเพียงแค่เราเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน! ถือเป็นข้อคิดที่มีประโยชน์และทรงคุณค่า
เมื่อเร็วๆ นี้ผมมีโอกาสเข้าร่วมสุดยอดสัมมนาแห่งปีในหัวข้อ Brian Tracy coaches in Bangkok
สุดยอดสัมมนาธุรกิจกับไบรอัน เทรซี่ ในโอกาสที่ปรมาจารย์ด้านการพัฒนาตนเอง
และการฝึกอบรมบุคลากร “ไบรอัน เทรซี” เดินทางมาเยือนประเทศไทย
สำหรับผู้ที่ไม่รู้จัก ไบรอัน เทรซี่ เขาเป็นนักเขียนและนักพูดระดับโลก เป็นหนึ่งในผู้นำความคิดทางธุรกิจ
ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของโลก และเป็นโค้ชสอนกลยุทธ์ทางธุรกิจ
การพัฒนาและการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ
ไบรอัน เทรซี่ เป็นที่ปรึกษาให้บริษัทมากกว่า 1,000 แห่ง และบรรยายให้ผู้คนฟังมาแล้ว
กว่า 5 ล้านคนในการสัมมนากว่า 5,000 ครั้งทั่วสหรัฐอเมริกา แคนาดาและ 69 ประเทศทั่วโลก
ในฐานะนักพูดและผู้นำสัมมนา เขาบรรยายให้ผู้คนฟังถึง 250,000 คนในแต่ละปี
ไบรอัน มีประสบการณ์คร่ำหวอดในการทำงานกับผู้บริหารระดับสูงและนักธุรกิจเจ้าของกิจการ
ทั้งองค์กรขนาดเล็กและขนาดใหญ่ทั่วโลก จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ
มีผลงานเขียนหนังสือขายดีอันดับหนึ่งของโลกมากกว่า 70 รายการ
อาทิ “กินกบตัวนั้นซะ” “12 วิธี สู่วิถีผู้นำ” “พ่อไม่รวย ก็รวยได้” “เป็นเศรษฐีด้วยตนเอง” ฯลฯ
ซึ่งเป็นหนังสือด้านการเพิ่มผลผลิต การจัดการด้านเวลา ความเป็นผู้นำ และการสร้างธุรกิจให้เติบโต
เรามาดูกันว่าปรมาจารย์ ไบรอัน เทรซี่ ได้ให้คำแนะนำอะไรบ้างแก่คนที่ต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิต
เพื่อให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ทั้งในด้านการงานและการดำเนินชีวิต
บันได 7 ขั้นสู่ความสำเร็จของไบรอัน เทรซี่ ประกอบด้วย
1. “Your life only gets better, when you get better.”
“ชีวิตของเราจะดีขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ…คุณพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นแล้วเท่านั้น” ทุกอย่างที่เรามีในวันนี้
เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเราที่สุดแล้ว ถ้าคุณยังไม่พอใจและคิดว่าต้องดีกว่านี้ ทางเดียวที่จะทำได้ คือ
คุณต้องพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้ เก่งกว่านี้ แล้วสิ่งต่างๆ ที่คุณอยากได้จะเข้ามาหาคุณเอง
โดยที่ไม่ต้องวิ่งตามให้เหนื่อยเลย
.
2. “It doesn’t matter where you are coming from, all that matter is where you are going.”
มันไม่สำคัญว่าคุณจะมาจากไหนหรือเริ่มต้นจากตรงไหน สิ่งสำคัญ คือ คุณกำลังจะไปไหนต่างหาก…
อดีตจะมีค่าก็ต่อเมื่อเราได้รับบทเรียน แต่หลังจากเรียนรู้แล้ว ปล่อยอดีตไปซะ ตัวอยู่ที่ปัจจุบัน ตามองที่อนาคต
แล้วค่อยๆ ก้าวเดินไปตามทาง ไม่ว่าอดีตคุณจะต่ำต้อยหรือแย่แค่ไหน เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้เท่ากันทุกคน
.
3. “Anything worth doing well is worth doing poorly at first, and it is often worth doing poorly several times until you master it.”
อะไรที่เป็นสิ่งที่คุณทำได้ดีในวันนี้ คุณย่อมเคยล้มลุกคลุกคลานมาก่อนแล้วทั้งนั้น มันเป็นสัจธรรม
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความยาก…ยากเพราะไม่รู้…ยากเพราะไม่ชิน แต่ความยากที่คุณกำลังเจอในวันนี้
กำลังจะกลายเป็นความเชี่ยวชาญของคุณในอนาคต อดทนนิดนึง แล้วทำต่อไปครับ
แล้วคุณจะเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จได้ในวันหนึ่ง
.
4. “You are only as free as your well-developed options.”
อิสระของคุณขึ้นอยู่กับว่า คุณพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นคนมีทางเลือกมากแค่ไหน เช่น ถ้าวันนี้มีบริษัทหนึ่ง
เลิกจ้างพนักงานทั้งหมด คนกว่า 80% ของบริษัทอาจจะตกที่นั่งลำบาก เพราะไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร
ในขณะที่คนบางส่วนอาจจะโอเคกับเหตุการณ์นี้ เพราะได้พัฒนาตัวเองมาก่อนแล้วเพื่อให้มีความสามารถมากพอ
ที่จะทำธุรกิจส่วนตัวได้ ชีวิตพวกเขาก็จะมีอิสระมากกว่า มีทางเลือกมากกว่า
.
5. “Within obstacles or difficulty you face, there is a seed of equal or greater opportunity or benefit.”
ในทุกเหตุการณ์ที่ไม่ดี มีโอกาสให้เราได้เรียนรู้เสมอ แทนที่จะรู้สึกแย่เวลาเจอปัญหา
ลองฝึกตัวเองให้มองหาบทเรียนอย่างน้อย 1 ข้อจากเหตุการณ์นั้นๆ ดูครับ เชื่อไหมครับว่า
บทเรียนที่ได้จากตอนที่มีปัญหานี่แหละได้กลายเป็นไอเดียที่ทำเงินให้คนรวยขึ้นมาหลายคนแล้ว
.
6. You can learn anything you need to learn to achieve any goal you can set for yourself.
เพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ ลองดูว่า คุณต้องการ “ทักษะ” อะไรสัก 1 อย่างที่จะส่งเสริมให้คุณสำเร็จได้
แล้วมุ่งพัฒนาทักษะนั้นทุกวัน วันละ 1-2 ชม. ผ่านการอ่านหนังสือ ดูวิดีโอหรือจะเข้าสัมมนาก็ยังได้
แล้วคุณจะพบว่าตัวเองเก่งทักษะนี้ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งความเจ๋ง คือ มันเป็นทักษะ
ที่จะช่วยให้คุณสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ครับ
.
7. The only real limits on what you can do are the ones you impose on yourself by your own doubts and fears.
สิ่งเดียวที่จะฉุดรั้งไม่ให้คุณสำเร็จได้ก็คือ ความกลัวและความสงสัยในตัวเอง ตัวการที่รั้งเราไว้ คือ
“ความเชื่อของเรา” เพราะฉะนั้น เราต้องเปลี่ยนที่ความเชื่อ โดยการใส่ความเชื่อใหม่ๆ เข้าไปให้ตัวเอง
ขอให้คุณ Self-Talk หรือพูดกับตัวเองดีๆ ใส่ข้อมูลใหม่ๆ ที่ดีงามเข้าไป เพื่อให้ความเชื่อเก่าของเราค่อยๆ จางไป
แล้วคุณจะเริ่มเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น พอความเชื่อภายในของคุณเปลี่ยน ชีวิตภายนอกก็จะเปลี่ยนตาม
ความดีงามก็จะปรากฏครับ
.
ไบรอันบอกว่า เมื่อประสบปัญหาและวิกฤต สิ่งเเรก คือ ความสงบ นิ่ง ไม่โกรธ และเข้าใจในสถานการณ์นั้นๆ
ข้อสอง มองหาข้อเท็จจริง มันเกิดอะไรขึ้น ตั้งคำถามและมองเเง่บวก ซึ่งเท่ากับว่า
สมองเราจะทำงานระดับสูงได้ บอกกับตัวเองว่า ฉันรับผิดชอบๆ
.
ตั้งเป้าหมายหาทางออก มองหาทางออก เมื่อมองเเง่บวกจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ จะทำให้เราเห็นทางออก
และมีความสามารถในการแก้ไขปัญหา บางปัญหาก็อาจจะอยู่นิ่งๆ บางปัญหาก็ลดบางอย่าง
หรือเพิ่มบางอย่าง แล้วลงมือทำ
.
เมื่อลงมือทำด้วยใจสงบ นิ่ง จะเกิดไอเดียใหม่ๆ จะมองเห็นทางแก้ได้ บวกเพิ่มด้วยความมั่นใจ
และจัดลำดับความสำคัญ อะไรคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด เราต้องบอกกับตัวเองเสมอว่า
เราแก้ปัญหามากมาย และเราก็ทำได้ต่อไป เตือนตัวเองว่า เราเป็นคนเก่ง
.
ข้อสุดท้าย คือ กล้าในการแก้ปัญหา กล้าในการลงมือทำ และสิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ การโฟกัส คือ
การมีสมาธิ ทำอย่างต่อเนื่อง โฟกัสในสิ่งที่คุณทำ โฟกัสในปัญหาและการแก้ไข โฟกัสอะไรที่ทำได้เลย
มีเป้าหมายชัดเจน มีขั้นตอนในการบรรลุเป้าหมายที่ชัดเจน มองทุกอย่างเป็นบทเรียน…
.
ทั้งหมดที่กล่าวมาจะไร้ประโยชน์ หากคุณ …ไม่ลงมือทำ
.
ทำทันทีครับ แล้วคุณจะพบกับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น…ด้วยตัวคุณเองครับ
.
.
Marketeer Magazine
Jun 2016 (P.154)