ศุกร์วันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ผมเดินทางไปจังหวัดสุราษฏร์ธานีเพื่อบรรยายเรื่องกลยุทธ์น่านน้ำสีขาว (White Ocean Strategy) ครั้งที่ 290 โดยมีผู้เข้าฟังหัวข้อนี้ไปแล้วมากกว่าห้าหมื่นคนในรอบปีที่ผ่านมา ช่วงเช้าที่อยู่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินผ่านร้านหนังสือในสนามบินก็รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้เห็นหนังสือ ‘สุดยอดเดอะซีเคร็ต’ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งหนังสือขายดี เลย
โพสต์รูปมาแชร์กับเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊คอย่างสนุกสนาน พอตอนบ่ายเริ่มขึ้นเวทีบรรยายที่โรงแรมไดมอนด์ให้ผู้ประกอบการในสุราษฏร์ธานีคนรับฟัง ก็เริ่มต้นการบรรยายด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลง …
ทุกครั้งผมมักจะถาม เห็นด้วยหรือไม่หากจะกล่าวว่าพวกเราทุกคนกำลังอยู่ในยุคการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านกายภาพหรือจิตภาพ ตั้งแต่ ภูมิทัศน์ อากาศ สภาพแวดล้อม วิถีชีวิต ความคิด ไลฟ์สไตล์ การเมือง การปกครอง การทำงาน ครอบครัว ฯลฯ
ผมเน้นเรื่องการ ‘สังเกต’ ซึ่งมาจากภาษาธรรมะที่สำคัญ นั่นคือ โยนิโสมนสิการ การพิจารณาอย่างแยบคายในใจ ให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกภายใน ให้หัดเป็นคนช่างสังเกต แล้วเราจะเห็นว่าทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบตัวเราและในตัวเรานั้น เปลี่ยนแปลงเสมอ ตกอยู่ภายใต้กฏพระไตรลักษณ์อย่างชัดเจน นั่นคือ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ หรือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อย่างเช่นเรื่องสภาพแวดล้อม ผมพูดมาเกือบ 300 ครั้งว่า หาก ‘สังเกต’ เราจะเห็นว่าข่าวคราวที่ปรากฏในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะมีความรุนแรงที่สุดในรอบร้อยปี สองร้อยปี หรือในประวัติศาสตร์ แต่มันเกิดขึ้นถี่ๆ ในช่วงนี้ทุกด้าน ทั้งภัยพิบัติด้านดิน น้ำ ลม ไฟ และสิ่งที่เราไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้เห็น เราก็กำลังได้เห็นและได้เป็นพยานมากขึ้นเรื่อยๆ
คนไทยทั้งประเทศไม่เคยได้ยินคำว่า ‘สึนามิ’ จนกระทั่งสึนามิโจมตีเกาะภูเก็ตและหลายจังหวัดทางภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมากมายมหาศาล ทั้งในไทยและอีกหลายประเทศ ครอบคลุมไปถึงทวีปต่างๆ
หลังจากนั้น สึนามิเกิดขึ้นถี่เกือบทุกเดือน จากที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน จนกระทั่งล่าสุดไปเกิดอีกครั้งที่เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.9 ริกเตอร์ ซึ่งคนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่แผ่นดินไหวจะเกิดในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ ขนาดนี้ ปกติจะต้องทิ้งช่วงห่างสัก 30 ปีไม่ใช่ในระยะเวลาไม่กี่เดือน แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และก่อให้เกิดความเสียหายครั้งรุนแรงที่สุด นับจากสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นโดนถล่มด้วยระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาเลยทีเดียว!
ผมกลับจากสุราษฏร์ถึงกรุงเทพฯ ด้วยความเป็นห่วงว่าความเสียหายจะแผ่ขยายไปกว้างไกลเพียงใด เปิดดูข่าวทางโทรทัศน์ต่างๆ แล้วขอส่งกำลังใจและชื่นชมชาวญี่ปุ่นทุกคนที่ยังรักษาระเบียบวินัยไว้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีใครตีหกชกหัว ไม่มีใครเสียสติ ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวขนาดนี้ เห็นภาพที่คนญี่ปุ่นนั่งสงบนิ่งอยู่ในอาคาร หรือเข้าแถวเพื่อกรอกน้ำดื่มด้วยความอดทนแล้ว มั่นใจว่าอีกไม่นานประเทศนี้จะฟื้นคืนกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ ด้วยวินัยและความรักชาติที่ถูกปลูกฝังไว้อยู่ในสายเลือด
ขอส่งกำลังใจให้คนญี่ปุ่นและผู้สูญเสียทุกคนได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในเร็ววันด้วยเทอญ.
เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ และมันก็เป็นสถานการณ์ที่ทำให้ทั่วโลกใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของโลกมากขึ้น ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับวันที่ 22 ธันวาคม 2555 วันสิ้นโลกหรือเปล่า และก็ต้องขอชื่นชมกับความมีวินัยและความรักชาติของคนญี่ป่นจริงๆ เคยทำงานในบริษัทญี่ป่นช่วงหนึ่งก็ไม่แปลกใจและเชื่อได้ว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นจะต้องฟื้นตัวกลับมาอึกครั้ง
เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณดนัยที่ว่าคนญี่ปุ่นได้รับการปลูกฝังมาดีใน
เรื่องระเบียบวินัยและความรักชาติ เหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้เขายังรักษา
ความสงบไม่ประท้วงไม่ก่อความวุ่นวายให้มากไปกว่านี้ ต้องชมผู้นำของ
ประเทศเขาทุกยุคทุกสมัยที่รักษาและสีบทอดสิ่งเหล่านี้มาได้ดีอยากให้
ผู้นำทุกยุคทุกสมัยของประเทศเราได้ครึ่งหนึ่งของเขาจัง