เราคงไปไม่ถึงงาน Shanghai Expo 2010 หากไม่ได้ไปเยี่ยมอาคารศาลาไทย Thailand Pavilion บนพื้นที่ 2 ไร่ซึ่งได้รับความนิยมติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก จากจำนวนบูธประเทศต่างๆ กว่า 200 บูธ โดดเด่นตั้งแต่สถาปัตยกรรมเรือนไทย แตกต่างจากหมู่ Pavilion ของเพื่อนบ้าน อาทิ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปินส์ที่ออกแนวโมเดิร์น
ทุกท่านที่เป็นคนไทยไม่ต้องไปยืนเข้าคิวรอหลายชั่วโมง เดินไปหน้าบูธแล้วบอกว่าเป็นคนไทย (ไม่ต้องร้องเพลงชาติทดสอบ) ก็จะได้รับเชิญให้เข้าไปทันที รับรองว่าจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยยิ่งนัก!
Shanghai Expo 2010 เป็นการแสดงศักยภาพของจีน ให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของ “พี่ใหญ่แห่งเอเชีย” ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ขอลุ้นเข้าชิงการเป็นเจ้าภาพ World Expo 2020 ด้วย จึงเห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเนรมิตศาลาไทยเพื่อประกาศความพร้อมให้โลกรู้ว่า สยามเมืองยิ้มขออาสาจัดงาน World Expo ในอีกสิบปีข้างหน้า!
หากประเทศไทยได้รับเลือก (หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเถิดเพี้ยง!) จะต้องทุ่มงบประมาณไม่ต่ำกว่า 22,000 ล้านบาท ใช้พื้นที่จัดงาน 1,500 ไร่ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 30 ล้านคน และจะสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศเป็นจำนวน 157,250 ล้านบาท
ก่อนเข้าสู่อาคารศาลาไทย มีศาลากลางน้ำหลังเล็กๆ ที่เรียกแขกได้อย่างดียิ่ง เพราะมีการแสดงศิลปะฟ้อนรำสี่ภาคอย่างอ่อนช้อยหลากรสชาติหลายอารมณ์ เรียกว่า จะยืนเข้าคิวรอกี่ชั่วโมงก็ไม่หวั่น เพราะมัวเพลินกับกิจกรรมเรียกน้ำย่อย ทำให้ผู้เข้าชมพากันถ่ายรูปกันไม่หยุด แถมไม่หงุดหงิด.. เห็นมั้ยว่า ศาลาไทยเราลูกเล่นแพรวพราวทีเดียว!
Hall แรก เเน้นแนวคิด ‘ชีวิตไทยกับสายน้ำ’ แสดงความผูกพัน วัฒนธรรมและมรดกยิ่งใหญ่ของชนชาติไทยที่เชื่อมโยงกับแม่น้ำและสายน้ำ เทคนิคตระการตา ปูพื้นให้เห็นความเป็นมาของวัฒนธรรมไทยที่แข็งแรง มีความหลากหลาย เทคนิคที่ใช้จะเป็น Chandelier LED 4 ด้านขนาดใหญ่ฉายเรื่องราวให้ชม โดยสามารถมองเห็นทั้ง 4 ด้าน มีเทคนิคม่านน้ำ 360 องศา จอภาพใต้น้ำกับเทคนิคพิเศษที่จะสร้างความสนุกสนาน โดยม่านน้ำจะสื่อความผูกพันของคนไทยกับสายน้ำ
ที่ทำให้ผมน้ำตาคลอคือ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรากฏบนจอ แถมช่วงท้ายยังมีการฉายภาพคนดูขึ้นจอทุกคน พร้อมใส่ชฏาให้เป็น Augmented Reality เก๋ไก๋มากๆ เรียกเสียงฮือฮาตั้งแต่ Hall นี้เลย
Hall 2 เป็นการแสดงสื่อผสมรอบทิศทาง มียักษ์อินทรชิตประจำวัดอรุณฯ เคลื่อนไหวพูดได้ โต้ตอบอย่างออกรสชาติกับยักษ์ลั่นถันของจีน แสดงถึงความสัมพันธ์ไทย-จีนยาวนานกว่าร้อยปีนับแต่สมัยรัชกาลที่ 3 และยังมีมาสคอตยักษ์น้อย “น้องไท” บุคลิกน่ารักน่าเอ็นดู เป็นตัวเชื่อมประสาน Hall นี้มีเทคนิคหลายอย่าง มีเรือสำเภาจีนแล่นอยู่รอบๆ ต้องหมุนคอดูรอบห้องเลย!
ยักษ์จีน ยักษ์ไทย คุยอย่างออกรสชาติ!
เข้าสู่ Hall 3 ภาพยนตร์ 3 มิติที่เรียกเสียงฮือฮา “โชว์ออฟ” ว่าเมืองไทยมีอะไรดี เช่น สถานที่ อาหาร ผลไม้ มีไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทคโนโลยีในห้องนี้จะเป็นแบบ 4 มิติ มีสัมผัสเหมือนจริง ทั้งกลิ่นดอกมะลิและน้ำฝนที่โปรยปรายลงมาเปียกผู้เข้าชม ทำให้ทุกคนเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มและอยากมาเมืองไทย!
ระยะเวลา 6 เดือนของงาน Shanghai Expo คาดว่าจะมีผู้เข้าชมศาลาไทยราว 5-6 ล้านคน ในฐานะผู้เข้าชมที่ไม่ลำเอียง (ว่าเป็นคนไทย) ผมขอโหวตให้เป็นประเทศที่บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจ ดึงดูดให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วม และสร้างความประทับใจสูงสุด ดูแล้ว รักเมืองไทยที่สุด!
เชื่อว่าผู้เข้าชมศาลาไทยส่วนใหญ่ ล้วนอยากมาเที่ยวเมืองไทยกันทั้งนั้น ตอนนี้ คนไทยทุกคนต้องรีบนำพาบ้านเราให้กลับสู่ความสุขสงบดังเดิมเสียที … ใครๆ ก็อยากมาเมืองไทยกันแล้ว ยิ้มเอาไว้ รักกันไว้ … รักนะ รักนะ ..
(ขอขอบคุณ คุณณัฏฐา Coca-Cola Thailand สำหรับภาพประกอบสวยงาม และการเดินทางสู่ Shanghai Expo 2010)
อ่านที่คุณดนัยบรรยายแล้วน่าสนุก และตื่นตาตื่นใจมากๆ เลยค่ะ ^^
ความจริงประเทศไทยเรามีอะไรดีๆ เยอะแยะมากมายเลยนะคะ
ตามมาจากคำเชิญยามดึกในทวิตภพ ครับ
ช่วงนี้นิตยสารรายสัปดาห์บางเล่มก็เล่าดีไซน์เก๋ๆ ของบางประเทศในยุโรป จนลืมไปเลยครับว่าเราก็ไปออกงานอันชูหน้าตาชาวโลกกับเค้าด้วย
บางทีถ้าการเมืองบ้านเราไม่วุ่นนัก Thailand Pavilion คงเป็นหนึ่งในความภูิมใจร่วมกัน ของเราคนไทยเป็นแน่แท้ครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวอีกเรื่องที่น่าภูมิใจนะครับ
“ทุกท่านที่เป็นคนไทยไม่ต้องไปเข้าคิวรอหลายชั่วโมง เดินไปหน้าบูธแล้วบอกว่าเป็นคนไทย ก็จะได้รับเชิญให้เข้าไปทันที รับรองว่าจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยยิ่งนัก!”
แค่ได้อ่านประโยคนี้ก็ขนลุกขึ้นมาทันทีเลยครับ
ผมติดตามการจัดงาน World Expo ครั้งนี้มาโดยตลอด ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น จัดที่จีน ประเทศที่ใกล้ไทยที่สุด ตั้งแต่มีการจัดงานนี้ขึ้นมา ต่อมาก็คงจากการได้เห็นคลิปการเตรียมงานของบูทไทยใน Youtube ซึ่งต่างชาติให้ความสนใจมากๆ
ภูมิใจในความเป็นไทยมากๆครับ
อยากให้เอาบูธอันนี้กลับมาโชว์ที่เมืองไทยบ้าง คนไทยที่ไม่ได้มีโอกาศไปที่เซี่ยงไฮ้จะได้ชื่นชมกันคะ ของๆดีแบบนี้ ใช้ครั้งเดียวเสียดายคะ ฝากพิจารณาด้วยคะ
อยากรู้จังคะว่าคนจัดงานเป็นคนจีนหรือคนไทย ทำไมเขาถึงเข้าถึงวัฒนธรรมเราได้ดีจัง เรื่องจริงเมืองไทยมีอะไรดีเยอะมาก ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน ศิลปะ วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อนต่างชาติหลายคนยังบอกกับเราเองเลยอยากอยู่ประเทศไทยมากกว่าประเทศเค้าเอง
อ่านแล้วเห็นภาพเลยค่ะ ภูมิใจในความเป็นไทย อยากให้ชาติอื่นเห็นสิ่งที่เรารัก รวมทั้งถ้ามีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรม+อาหารชาติอื่นด้วยยิ่งดีค่ะ เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมมือกัน เหมือนกับเพลงชาติที่ว่า “ไทยนี้รักสงบ” สยามเมืองยิ้มก็จะกลับมาค่ะ ^~^
อยากกระตุ้นให้คนไทยทุกคนรู้ว่า เราโชคดีและมีบุญมากแค่ไหนที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย..
โชคดีที่มีในหลวง… อยากให้รักกันไว้ ให้อภัยกัน เข้าใจกัน ปล่อยวางความคิด (สมมติ)
ที่คอยทิ่มแทงตัวเราเอง และความสงบสุขก็จะกลับคืนมา
คนจัดงานเป็นคนไทยครับ เข้าใจว่าเจ้าภาพคือ TCEB ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Organizer คือ อินเด็กซ์ครับ ก่อนทำเขาได้มีการ Survey ความชอบของคนจีนก่อน
จะได้เอาใจได้ถูก O.O
หากมีโอกาสได้เจอกับ สสปน. (TCEB) หรือ ททท. จะนำความเห็นนี้ไปแจ้งนะคับ
แต่ที่ทราบมาคือหลังจากงานจบ ประเทศจีนก็จะนำเอาบูธต่างๆ เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ต่อครับ
จริงๆ ต้องบอกว่าฟลุ๊คครับ เพราะคุณเตย ผู้จัดการโค้กที่พาไป ตะโกนบอกเจ้าหน้าที่
ซึ่งเราดูไม่ออกว่าเป็นคนไทยรึเปล่า บอกว่า ‘น้องคะๆ ‘ ปรากฏว่าเขาหันมา แล้วบอกว่า
พวกเราไม่ต้องต่อแถว เข้าคิวหลายชั่วโมง ไปเข้าที่หน้าประตูได้เลย
รู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทยขึ้นมาในบัดดล… ยังไม่นับรวมกับความตื่นตาของการจัดแสดงนิทรรศการด้านใน
หาโอกาสไปชมนะครับ O.O
ขอบคุณที่ติดตามมาจากทวีตภพนะครับ ปลื้มจัง!!
คนไทยและประเทศไทย ไม่แพ้ใครในโลกจริงๆ
ขอให้พวกเรารักกัน สามัคคีกัน นำความสุขสงบกลับคืนมาโดยเร็ว
ยังมีเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอีกมากมาย…
ไม่เสียดาย.. ที่เกิดมาเป็นคนไทย… O.O
ถูกต้องที่สุดแล้วครับ คนไทยมีดี ประเทศไทยมีดี
ขอให้ภูมิใจมากๆ รักเมืองไทยให้มากๆ O.O
มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยตลอดมาและตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนไทยมีน้ำใจ และลืมง่ายเสมอ
อ่านสนุก ได้บรรยากาศ กระตุ้นต่อมอยากไปดูด้วยตัวเองขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
งานนี้เจ้าภาพจริงๆ คือ รัฐบาลไทยค่ะ จัดโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบ มีกิจการร่วมค้าไอดีทู (ประกอบด้วย บ.อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ / บ.ดีไซน์103 / บ.รวมนครก่อสร้าง (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการค่ะ
เป็นงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ นะค่ะ พวกเราตั้งใจทำเต็มที่เพื่อความภาคภูมิใจของคนไทย อยากให้ทุกคนที่มีโอกาสไปเซี่ยงไฮ้ได้ไปสัมผัสค่ะ รับรองว่าอาคารศาลาไทยไม่เป็นรองใครเลยจริงๆค่ะ