ในขณะที่กำลังรอรัฐบาลใหม่กับนโยบายเก๋ไก๋แจกแทบเล็ตสำหรับนักเรียนชั้น ป. 1 ทั่วประเทศ ซึ่งหากนำออกมาปฏิบัติจริงย่อมส่งผลกระทบถึงโรงพิมพ์ สำนักพิมพ์และร้านหนังสือที่จำหน่ายตำราเรียนกันอย่างมาก เรียกว่าเป็นการปฏิรูปการเรียนการสอนของเมืองไทยกันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ขอวิงวอนให้ค่อยเป็นค่อยไป ทำอย่างรอบคอบและเตรียมพร้อมให้ดี โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับคอนเทนต์หรือเนื้อหา รวมถึงวิธีการในเรียนรู้ และขอโอกาสให้คุณครูและผู้ปกครองทั้งหลายได้ปรับตัวกันก่อนที่จะนำนโยบายนี้มาใช้กับเด็กๆ จะได้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
อย่าเน้นแค่ฮาร์ดแวร์ ขอให้เน้นไปที่ซอฟท์แวร์ และการพัฒนาต่อยอด อย่าให้เด็กไทยเติบโตมาโดยเป็นผู้ใช้ และเป็นผู้ซื้ออย่างเดียว แต่เมื่อมีอุปกรณ์ไฮเทคแบบนี้แล้ว เด็กไทยควรคิดเป็น สังเคราะห์ได้ และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในโลกยุค ไร้พรมแดน
วันก่อนผมมีโอกาสไปร่วมในงานเปิดเครือข่าย 3G ของเอไอเอส รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับจำนวนผู้เข้าร่วมงานนับพันคน นัยว่าส่วนใหญ่จะเป็นคอนเทนต์พาร์ทเนอร์จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร สำนักพิมพ์ชั้นนำ รวมทั้งค่ายเพลงต่างๆ ตลอดจนผู้พัฒนาเกมส์ โปรแกรมแอพพลิเคชั่นทั้งหลาย เรียกว่าหลากหลายวงการที่ผลิตคอนเทนต์ต่างพร้อมใจมารวมตัวกัน ในงานเอไอเอส ตอกย้ำความเป็นผู้นำเครือข่ายข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
คุณวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอสระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีปริมาณลูกค้าที่ใช้โมบาย อินเตอร์เน็ตสูงถึง 7.5 ล้านคน มีการดาวน์โหลดคอนเท็นต์มากกว่า 48 ล้านครั้งต่อปี จึงเป็นสาเหตุให้เอไอเอสเดินหน้าพัฒนาเครือข่าย 3G บนคลื่นความถี่เดิม 900 MHz ในระหว่างที่กำลังรอความชัดเจนของการเปิดประมูล 3G ของภาครัฐ ซึ่งหากมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบชัดเจนจะมีมูลค่าถึง 240,000 ล้านบาทภายในปี 2013 หรืออีกสองปีข้างหน้า เป็นตัวเลขที่เติบโตสูงมากจาก 175,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
สิ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษในการเปิดตัววันนั้น ไม่ใช่เรื่องเครือข่ายไฮสปีด ตั้งแต่ 3G Wifi และ EDGE+ แต่เป็นตัวแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้แก่ Music Store, Book Store และ APP Store ชอบมากในฐานะผู้บริโภคที่ชอบใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ในฐานะผู้ที่อยู่ในวงการสิ่งพิมพ์ กำลังมองเห็นว่าการปรับตัวในการทำธุรกิจเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
AIS Music Store เป็นคลังเพลงล่าสุดบนสมาร์ทโฟน สามารถโหลดได้ไม่จำกัดกว่า 50,000 เพลง จากทุกค่ายเพลงชั้นนำของเมืองไทย ทั้ง GMM Grammy, RS, Sony Music, Small Room, Spicy Disc, Universal, Warner, KPN ฯ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Unlimited Load, Play, Share” โหลดเพลงได้ไม่อั้น ทั้งเต็มเพลงและมิวสิควิดีโอ เล่นเพลงได้ทั้งแบบ online และ off line ที่ไหน เมื่อไรก็ได้ หรือจะแชร์เพลงโปรดให้เพื่อนผ่านทาง Facebook หรือ Twitter ก็ได้ง่ายๆ
AIS APP Store แหล่งรวมแอพลิเคชั่นเพียงแห่งเดียว ที่รวมทั้งแอพจากไทยและ ทั่วโลก สามารถรองรับมือถือได้ทุกรุ่น ภายใต้คอนเซ็ปท์ Life Work Play จัดเต็มทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทั้งขาช้อป คอหุ้น ดูหนังฟังเพลง อัพเดทข่าวสาร ท่องเที่ยว รวมทั้งแอพฯ ที่ช่วยบริหารจัดการการใช้งานมือถือได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้การใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ อาทิ AIS eService, AIS SoccerLive, Serenade Mag, mPAY, SE-ED, ASTVManager, Nation Super News, Major, Blue, Central, Shoppening
AIS Bookstore วางตำแหน่งเป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รวบรวมนิตยสารชั้นนำในเมืองไทย และพ็อกเก็ตบุ๊ค กว่า 200 เล่ม จาก 40 สำนักพิมพ์มาให้ดาวน์โหลดไปอ่านบน iPad, iPhone, Android และ Tablet โดยหนังสือที่ขายอยู่บน AIS Bookstore จะวางจำหน่ายพร้อมกับแผงหนังสือทั่วไป
ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AIS Bookstore ได้ฟรี ส่วนราคาหนังสือแต่ละเล่ม ขึ้นอยู่กับสำนักพิมพ์ มีทั้งแบบโหลดฟรี และคิดค่าบริการ โดยสามารถซื้อได้ทั้งแบบเล่มเดี่ยว และแบบสมัครสมาชิก
ในส่วนของนิตยสารและหนังสือพิมพ์ เห็นว่ามีเกือบทุกปกมาอยู่บนแอพพลิเคชั่นนี้แล้ว ได้แก่ Image ดิฉัน Men’s Health, Seventeen, Mother & Baby, GM, Hello, Maxim และน่าจะรวมถึง Brand Age ด้วย
ในส่วนของสำนักพิมพ์ที่เป็นพ็อคเก็ตบุ๊คยังมีอยู่ไม่มากนัก แต่คาดว่าอีกไม่นานคงเข้ามากันเกือบหมด ตอนนี้ก็แน่นอนครับ มีหนังสือจากสำนักพิมพ์ดีเอ็มจีซึ่งมีให้เลือกทั้งดาวน์โหลดอ่านฟรี ตามวิถี White Ocean Strategy และแบบคิดค่าบริการ ทั้งหนังสือธรรมะ หนังสือบริหาร และหนังสือสุขภาพกายใจ ซึ่งหลายปกเป็นระบบมัลติมีเดีย คือ มีทั้งเสียงอ่าน และวีดีโอคลิปด้วย แอบปลื้มว่าตอนนี้หนังสือของดีเอ็มจีหลายปกก็ติดอันดับท็อปเท็นในการดาวน์โหลด!
ในมิติของการเป็นผู้บริโภคก็ยอมรับว่าเครือข่าย 3G และแอพพลิเคชั่นต่างๆ เป็นทางเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่หากมองในมิติของคนที่อยู่ในธุรกิจสิ่งพิมพ์ก็แอบกังวลว่า ในเมืองไทยจะเกิดเหตุการณ์เดียวกับที่เกิดในสหรัฐอเมริกาหรือไม่ และจะเกิดขึ้นเมื่อใด โดยข้อมูลจากนิตยสาร Business Week ระบุว่าหนังสือพิมพ์รายวันทั่วสหรัฐฯ กว่า 635 ฉบับมียอดขายลดลง 8.7% และนิตยสารทั่วสหรัฐฯ 472 เล่ม ก็มียอดขายลดลงเกือบ 10%
นิตยสารชื่อดังอย่าง Newsweek มียอดขายตกลงถึง 41.7% นิตยสาร The Economist มียอดขายตกลง 16.8% หรือแม้กระทั่งนิตยสาร Time ก็มียอดขายตกลงมากถึง 34.9% เช่นกัน สาเหตุหลักๆ มาจากการเติบโตของอินเทอร์เน็ต การเพิ่มขึ้นของเว็บไซต์และบล็อกจำนวนมาก รวมทั้งแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกในการอ่านคอนเทนต์ต่างๆ อย่างมากมายมหาศาล
นอกจากนี้ Amazon.com เว็บไซต์ขายหนังสืออันดับหนึ่งของโลกยังได้ประกาศเมื่อ ต้นปีที่ผ่านมาว่า ยอดขายอีบุ๊คส์โตกว่ายอดขายหนังสือเล่มถึงเท่าตัว แซงหน้าไปเรียบร้อย! ก็หวังว่าปรากฏการณ์นี้คงยังไม่เกิดขึ้นภายในเร็ววันสำหรับเมืองไทย ขอเวลาให้ปรับตัวเตรียมใจกันก่อน แต่อย่านานนักนะครับ เพราะหลักสำคัญของ White Ocean Strategy คือ การพัฒนาตนเองให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ตามคำคมของ Jack Welch ที่กล่าวว่า
‘If the rate of change on the outside, is greater than the rate of change on the inside, then the END is insight.’ หากอัตราการเปลี่ยนแปลงข้างนอกเร็วกว่าข้างในเมื่อไหร่ รับรองจุดจบเข้ามาใกล้แน่นอน!
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ..เชื่อว่าอาจารย์สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้แน่นอนค่ะ
ขอแบ่งปันต่อน่ะค่ะ